WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

รอบด้านตลาดหุ้น

Another Black Monday
    วันนี้คาดมีแรงขายต่ออีก แต่ไม่มาก ก่อนจะสร้างฐานไม่มี New low แล้วค่อยๆขึ้นใหม่ (เหมือนเหตุการณ์ Capital control เมื่อเดือน ธค.ปี 2006) แนวรับ 1,460 +/-5 จุด
    ในรายงานฉบับเมื่อวันที่ 9 ธค. เราแนะนำ Stop loss ถ้าดัชนีฯหลุด 1,555 จุด แล้วให้ Wait and see และเมื่อวานนี้ ดัชนีฯยังลงแรงอีกเกินคาด จากข่าวลือด้านลบต่อตลาด แต่อย่างไรก็ดี เราคงคาดตลาดมีโอกาสสร้างฐาน (ไม่เกิด New low) ช่วงกลางสัปดาห์ วันพุธ-พฤหัสนี้ ก่อนค่อยๆขึ้นใหม่
    ภายใต้สมมุติฐาน 1) ตลาดคลายวิตกภาระหนี้ตราสารอนุพันธ์ที่ลิ้งค์กับน้ำมัน หลังเฟดสะท้อนความเห็นช่วยคลายกังวลต่อตลาดที่ปรับลงแรง ทั้งนี้ตราสารหนี้ที่ลิ้งค์กับน้ำมันในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ $568 พันล้าน และ อียู อยู่ที่ $53 พันล้าน คิดเป็น 2% และ 3% ของมูลค่าตลาดตราสารหนี้ และ คิดเป็น 4% และ 0.4% ของ GDP ในสหรัฐฯ และ EU ตามลำดับ 2) กรณีหนี้จีน พบว่า Sovereign debt จีน 70% ของ $280 พันล้านที่อยู่ในตลาด รับประกันโดยรัฐบาลจีน มีเพียง $84 ล้านที่อยู่นอกระบบการรับประกัน และจีนยังมีเงินสำรองอยู่สูงมากคาดว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงถึงขั้นเกิดวิกฤต 3) ตำรวจรวบแล้วต้นตอข่าวลือทุบหุ้น (ที่มาข่าวสด)
       คำแนะนำ เริ่มทยอยซื้อคืนสำหรับคนที่ Cut loss ไปก่อนหน้าตามคำแนะนำ หุ้นแนะนำ เน้นหุ้นปันผลดี เช่น ADVANC INTUCH KTB BTS
      หุ้นแนะนำ IFEC ได้ PPA โรงไฟฟ้ากัมพูชา 20MW แล้ว (ที่มา ข่าวหุ้น) เรามีมุมมองเชิงบวก จากข่าวนี้เพราะเป็นสัญญาที่มากกว่าที่คาด และ ยังมีประเด็น M&A โรงไฟฟ้าต่างประเทศเพิ่มอีก, KTB, ADVANC

BLS รายงานพื้นฐานวันนี้ (ดูรายละเอียดฉบับเต็ม)
(+) KTB มูดี้ส์ปรับเพิ่มมุมมอง Bank financial strength (BFS) ขึ้นเป็น D+ จาก D เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคา เป้าหมาย 27 บาท เป็นแบงกที่จ่ายปันผลปีละครั้ง ดังนั้นจึงให้ผลตอบแทนเงินปันผลในต้นปีหน้าสูงที่สุดในกลุ่มที่ 4.55%

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ตำรวจจับ ผู้บริหารโบรกต่างชาติ และ เจ้าหน้าที่การตลาด ที่ส่งต่อข่าวลือด้านลบต่อตลาดแล้ว
(- ) วันนี้ จีน HSBC PMI mfg (ธค.) คาด 49.8 จาก 50 จุด, EU PMI (ธค.) คาด 51.5 จาก 51.1
(+) วันพุธ ประชุมเฟด คาดแสดงความเห็นเชิงบวกช่วยคลายกังวลตลาด, ประชุม กนง.คาด คงดอกเบี้ย 2%
(0) วันพฤหัส เยอรมนี Ifo คาด 105.5 จาก 104.7 และ ประชุม ธ.กลางญี่ปุ่น พฤหัส-ศุกร์

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด

คาด กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% ศก.ฟื้นช้าต้องผ่อนคลายเพิ่ม
     ค่ายกสิกรไทยคาด กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% การประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ เพื่อกระตุ้น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวล่าช้าปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวยังมีมาก ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง เชื่อดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสทรงตัวในระดับต่ำยาวนานขึ้นหลายเดือนข้างหน้า ทั้งสภาพคล่องในตลาดการเงินไทยยังอยู่ในระดับสูง (หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ)

ชงแก้ 'ก.ม.ค้ำประกัน' สัปดาห์นี้สมาคมแบงก์เตรียมยื่นข้อเสนอ 'แบงก์ชาติ'
     แนะผู้ประกอบการ บริหารความเสี่ยง ช่วงตลาดโลกผันผวน สมาคมเตรียมยื่นเสนอ "ธปท." แก้ไขพ.ร.บ. ค้ำประกันในสัปดาห์นี้ ชี้ราคาน้ำมันสะท้อนการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางคาด กนง.ลดดอกเบี้ยในการประชุม ครั้งนี้ 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)

บางจากทุ่มหมื่นล. ขยาย 'ธุรกิจใหม่' หวังกระจายเสี่ยง
     "บางจาก" เตรียมเงิน 1 หมื่นล้านลงทุน ขยายธุรกิจใหม่ใน-ต่างประเทศ พร้อมรุกธุรกิจนอน-ออยล์ ดึงพันธมิตรที่มีชื่อเสียงเข้าปั๊มบางจาก เสริมรายได้ เตรียมศักยภาพโรงกลั่น เล็งลงทุนผลิตไฟฟ้าจากขยะ ตอกย้ำความเป็นผู้นำพลังงานทดแทน (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)

4 บริษัทเข้า SET50 หุ้นCK-HEMRAJ-KTIS-SPALI ผงาด JAS-SGPติดคำนวณกลุ่มปันผลสูง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศรายชื่อ 4 หุ้นใหม่ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี SET50 ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2558 ได้แก่ บริษัท ช.การช่าง (CK) บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) และบริษัท ศุภาลัย (SPALI) ส่งผลให้หุ้นที่อยู่ในดัชนี SET50 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ประมาณ 10.44 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 71.46% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหลักทรัพย์ทั้งหมด ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2557 (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)

กองทุนช้อนดันดัชนีรีบาวด์ 4 วันแห่ซื้อกองทุน LTF กว่า 6,000 ล้านบาท
     กองทุนช้อนซื้อหุ้นหนุนดัชนีรีบาวด์ หลังนักลงทุนแห่ซื้อ LTF แน่น เผย 4 วันยอดซื้อ 6,000 ล้านบาท นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงระหว่างวันกว่า 130 จุด ในวันที่ 15 ธ.ค. พบว่ามีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนหุ้นทั่วไป ประมาณ 800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับยอดซื้อเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

รายงานวันนี้

หุ้น: KTB คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 27.00
วานนี้ Moody's Investors Service ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB ขึ้นจาก D เป็น D+
ผลการดำเนินงานทางการเงินของธนาคารได้ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปีก่อน โดยสินเชื่อของธนาคาร ณ สิ้นเดือนต.ค.ได้เติบโต 5.8% นับตั้งแต่ปีจนถึงปัจจุบัน และอัตราส่วนความพอเพียงของทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของเงินกองทุนขั้นที่ 1 ยังได้เพิ่มขึ้นเป็น 11.2% จาก 10.2% ณ สิ้นปี 2556
เราคาดว่าธนาคารจะตั้งสำรองหนี้สูญในปี 2558 ที่ 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY สอดคล้องกับสินเชื่อที่ขยายตัวมากขึ้น
เรามองว่าสินเชื่อในปี 2558 ของ KTB จะเติบโตได้ดี หนุนจากการเป็นธนาคารภาครัฐฯทำให้ได้รับประโยนช์จากโครงการภาครัฐในปีหน้า
นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งด้านการเงินของธนาคารยังส่งผลให้ธนาคารยังมีศักยภาพที่จะปล่อยกู้ได้โดยไม่ต้องอาศัยการเพิ่มทุนใดๆได้เป็นระยะเวลาอีกหลายปีอีกด้วย

นักวิเคราะห์: สุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

กลุ่ม: ปิโตรเคมี คำแนะนำ: ลดน้ำหนักการลงทุน ราคาเป้าหมาย (บาท): -
เราปรับลดคำแนะนำกลุ่มปิโตรเคมีจาก เพิ่มน้ำหนักการลงทุน เป็น ลดน้ำหนักการลงทุน พร้อมกันนี้เราปรับลดคำแนะนำของ PTTGC และ IVL จาก ซื้อ เป็น ถือ และยังคงแนะนำ ถือ สำหรับ VNT
สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าทิศทางราคาปิโตรเคมีมีความสัมพันธ์กับทิศทางราคาน้ำมันดิบสูง จึงมีแนวโน้มปรับลดลงตามราคาน้ำมัน
เรามองว่าราคาหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจะยังไม่ปรับตัวขึ้นในระยะสั้นเนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 2/58 ซึ่งเป็นผลจากอุปทานที่ล้นตลาด
ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงส่งผลให้เกิดการปรับลดประมาณการและคำแนะนำ
เราปรับเปลี่ยนวิธีคำนวณราคาเป้าหมายจาก DCF เป็น PBV ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2558 ของ PTTGC, IVL และ VNT เป็น 66 บาท, 23 บาท และ 9.9 บาทตามลำดับ

นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

กลุ่ม: ปิโตรเคมี คำแนะนำ: ลดน้ำหนักการลงทุน ราคาเป้าหมาย (บาท): -
ราคาปิโตรเคมีส่วนมากยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ลดลง (สอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมัน)
อาจเกิดกระแสการระบายคลังสินค้าในตลาดเพื่อลดขาดทุนสินค้าคงคลังหากราคาน้ำมันดิบยังอ่อนตัวลง
ส่วนต่างราคาเอทิลีนเพิ่มสูงขึ้น ส่วนต่างราคาโพรพิลีนหดตัว WoW
ส่วนต่างราคา HDPE เพิ่มมากขึ้น ส่วนต่างราคา MEG ลดลง WoW
ส่วนต่างราคา PVC แข็งแกร่งขึ้น WoW

นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!