WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตลาดทิ้งตัวลงทันที 35.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1442.90 จุด แกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอด
ทั้งวัน มีแรงขายต่อเนื่องทำให้ดัชนีไหลลงไปอยู่ที่ 1422.63 จุด ลดลง 55.86 จุด โดยมีแรงเทขายทุกกลุ่ม หลังจากที่ปรับตัวลงแรงมากก็มีแรงซื้อกลับขึ้นมาทันทีเช่นกัน เคลื่อนที่ระหว่างวันอยู่ที่ 1422.63-1476.34 = 53.71 จุด มีการเหวี่ยงเป็น Zigzag up ในวันดัชนีปิดที่ 1461.74 จุดลดลง 16.75 จุด (-1.13%) มูลค่าการซื้อขาย 75,869 ล้านบาท กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนบัญชี บล.มียอดขายสุทธิ 8,374 // 2,707 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปมียอดซื้อสุทธิ 5,672 // 5,410 ล้านบาท ภาพตลาดวันนี้
  พิจารณาดัชนีปรับตัวลงจาก 1603.89 จุดลงมา 5 วันด้วยจุดต่ำที่ระดับ 1375.99 จุดลดลง 227.9 จุดคิดเป็น 14.21% จากจุดสูง วันที่ 6 เมื่อวานดัชนีกลิ้งๆอยู่ใกล้จุดต่ำ แต่ไม่ต่ำกว่า ด้วยพฤติกรรมการเคลื่อนที่ตรงนี้ กราฟแท่งเทียนทำให้การคาดหวังดัชนีที่น่าจะเคลื่อนในกรอบ 1400-1500 จุด ในช่วงนี้ด้วยภาพที่เป็นแนวโน้มยังกดดันไม่ให้ดัชนีขึ้นได้ไกล แต่การเคลื่อนที่ตรงนี้สามารถคาดหวังส่วนต่างได้พอสมควร จากการแสดง indicators ที่สนับสนุน ปัจจุบันลงมาที่อยู่ในเขตขายมาก Oversold อย่างเช่น RSI มีค่า 19.13% เท่านั้นพิจารณาจากกราฟรายวัน

กลยุทธ์ : ซื้อเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง // Let Profit Run // รอซื้อแนวรับ
Support 1450 -1440 // 1406 // 1360 จุด Resistance 1524// 1540-1560 จุด

สุนีย์ จันทร์เปล่ง
เลขทะเบียน :18199
Technical Analyst
Tel 02 - 6481121 / 1616
Email: sunee.c@ktbst.co.th

พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124
Email: phannapa.k@ktbst.co.th

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

Market Trend
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (16 ธ.ค.) SET Index ปิดที่ 1461.74 จุด ลดลง 16.75 จุด หรือ 1.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75,869 ล้านบาท       ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง โดยยังมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศสำคัญอยู่ เป็นผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นที่อิงรายได้กับราคาน้ำมัน แต่ก็มีหุ้นที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อด้วย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศมีปริมาณขายสุทธิ ถึง 8.3 พันล้านบาท
      ตลาดหุ้นต่างประเทศวันที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันโดยเฉพาะรัสเซียเพิ่มขึ้น หุ้นกลุ่มที่อิงภาวะเศรษฐกิจปรับตัวลดลง ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 111.97 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป การดีดตัวช่วงท้ายของราคาน้ำมันในตลาด หนุนให้ดัชนีฯของหลายๆตลาดในภูมิภาคนี้ปรับตัวสูงขึ้น..... เรามองว่า ทิศทางตลาดหุ้นหลักๆของโลก ยังมีความผันผวนสูง จากราคาน้ำมันที่ลดลงและเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆ (ยกเว้นสหรัฐฯ) ชะลอตัวลง ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นไทย
      ราคาน้ำมันดิบ WTI (Jan) ตลาด NYMEX ปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ 55.93 ดอลล่าร์/บาร์เรล สูงขึ้น 0.02 ดอลล่าร์ ในระหว่างวันราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า $1 ดอลล่าร์ และดีดในช่วงท้ายจนเป็นบวก ... ทิศทางราคาน้ำมันยังคงคาดการณ์ได้ยากว่าจะมีเสถียรภาพที่จุดใด แต่ถึงกระนั้น ข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะเข้ามาหนุนราคาน้ำมันในช่วงนี้
เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.99-33.00 บาท/ดอลลาร์ ทิศทางผันผวนตามตลาดหุ้น
       FITCH'S Rating ระบุ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงได้ส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในภาคพลังงานปรับตัวลดลง ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของระดับหนี้สินของธุรกิจภาคเอกชนอาจกดดันผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ในปี 2558
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวันที่ 16-17 ธ.ค.นี้... ผลสำรวจโดย Bloomberg ส่วนใหญ่คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% ขณะที่การประชุมดอกเบี้ยของไทย มีทั้งที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ยและปรับลด 0.25%
      ประธานกรรมการหอการค้าไทย มองราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลง จะมีผลให้ต้นทุนของการผลิตและการขนส่งปรับลดลงได้ พร้อมคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 โดยปี 2558 มีโอกาสขยายตัวได้ 4 -5%
ธปท.เกาะติดสินเชื่อ 'วินด์เอนเนอร์ยี่' แบงก์ปล่อยกู้ตามเกณฑ์-ยืนยันไม่ส่งผลกระทบฐานะแบงก์
      ทิศทางตลาดหุ้นไทย ภาพตลาดโดยรวม นักลงทุนจะรอดู 2 ปัจจัย คือการพิจารณาเรื่องดอกเบี้ยของธนาคารของไทย (กนง.)และสหรัฐฯ(FOMC) และแรงซื้อ-ขาย ของนักลงทุนสภาบันฯ ซึ่งจะชี้ทิศทางตลาดได้ การดีดตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ เรามองเป็นเพียงปัจจัยบวกที่เข้ามาเสริมตลาดช่วงสั้นๆเท่านั้น ทิศทางของตลาดหุ้นโดยรวม จึงคาดว่าจะมี rebound จากนั้นก็ทรงๆ ตัวมากกว่า
      กลยุทธ์การลงทุน ด้วยความไม่แน่นอนของปัจจัยรอบด้านซึ่งจะทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง วันนี้ จึงเน้นเก็งกำไรช่วงสั้น โดยเน้นเป็นตัวๆ เพราะสังเกตได้ว่า การขึ้น-ลงของหุ้นในสัปดาห์นี้ แม้หุ้นกลุ่มเดียวกัน ก็มีการขึ้น-ลง ที่แตกต่างกัน และเลี่ยงหุ้นที่มีแรงขายมากๆไปก่อนในระยะนี้
    แต่หันมาสนใจหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว มากขึ้น อาทิเช่น กลุ่ม ICT (ADVANC , TRUE , SAMTEL, SAMART) หรือจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันและเงินบาทที่ลดลง เช่น NOK, THAI , TUF เป็นต้น ขณะที่หุ้นในกลุ่มบ้าน-คอนโด (PS, SPALI) น่าจะถูกเก็งกำไรในเรื่องแนวโน้มที่ กนง.อาจพิจารณาลดดอกเบี้ย

Stock in Focus
     NOK มี upside จากราคาเป้าหมาย หุ้นสายการบิน เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง เนื่องจากจะทำให้ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง ในต่างประเทศ นักลงทุนให้ความสนใจต่อหุ้นกลุ่มนี้มากเนื่องจากคาดการณ์ว่ารายได้จะสูงขึ้นมากในปีหน้า ส่วนข่าวการพิจารณาปรับลดค่าเซอร์ชาร์จเส้นทางต่างประเทศอันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง แม้รายได้จะลดแต่แลกกับผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้น สำหรับหุ้น NOK (ราคาปิด 13.80 บาท ; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย โดย IAA Consensus 17 บาท) มีประเด็นเสริมนอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวไป คือราคาตลาดที่ต่ำกว่าราคาเป้าหมาย ของทั้ง IAA Consensus และ Bloomberg คือมี upside gain ประมาณ 20% สูงที่สุดตัวหนึ่งของกลุ่มสายการบินของไทย

มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
Licence No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!