Details

Category: บทวิเคราะห์

Published: Friday, 19 December 2014 15:20

Hits: 2531

บล.เอเซียพลัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน
      ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว น่าจะส่ง Sentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังคงแนะนำสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันขาลง (RCL, AAV, NOK, TASCO, SCC) หุ้นปันผลสูง (ADVANC, AIT, INTUCH, SPALI, STPI) และยังเลือก EGCO(FV@B188) เป็น Top pick

เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในเยอรมัน ขณะที่สหรัฐและอังกฤษยังดีต่อเนื่อง
      ล่าสุดดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐ ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง กล่าวคือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 41.7 (เป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี) และเช่นเดียวกับตลาดแรงงานที่ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยล่าสุดพบว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ธ.ค. ปรับตัวลดลง 6,000 ราย อยู่ที่ 289,000 ราย แต่อย่างไรก็ตามผลการประชุมของ Fed ในระหว่าง 16-17 ธ.ค. เริ่มมีท่าทีผ่อนปรนต่อการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะยืดระยะเวลาการขึ้นดอกเบี้ยออกไปจากเดิมที่มีการประเมินไว้กลางปี 2558 เป็นปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวกว่าเป้าหมายที่กำหนด อย่างไรก็ตามต้องติดตาม การประชุมที่จะเกิด 2 ครั้งแรกในปี 2558 คือ 19 ม.ค. และ 19 มี.ค. 2558
เช่นเดียวกับอังกฤษ พบว่ายอดค้าปลีก เดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 7%yoy 2557 (ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 และสูงสุดในรอบ 10 ปี) แต่อย่างไรก็ตาม ความกังวลต่อเงินเฟ้อที่ชะลอตัว ในเดือน พ.ย. เหลือ 1% ต่ำกว่าเป้าหมายเบื้องต้น 2% (เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี เพิ่มขึ้นเพียง 0.5%ytd) จึงทำให้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของอังกฤษอาจจะล่าช้าออกไปในช่วง ปลายปี 2558 หรือต้นปี 2559 ใกล้เคียงกับสหรัฐ

      ขณะที่ฝั่งยุโรป เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว โดยเฉพาะเยอรมัน (ยักษ์ใหญ่ในยุโรป) เดือน ธ.ค. พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ อยู่ที่ระดับ 105.5 (เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 5 เดือน) สอดคล้องกับ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่อเศรษฐกิจเยอรมัน เพิ่มขึ้นจาก 11.5 เป็น 34.9 (เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 9 เดือน) และเช่นเดียวกับที่รายงานไปก่อนหน้าคือ ดัชนีความเชื่อมั่นฝรั่งเศส เดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากทั้งสองประเทศข้างต้น แต่ยังไม่ถือว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากนัก และยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรปโดยรวม สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ เดือน พ.ย. อยู่ที่ 0.3% และอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง 11.5% จึงทำให้ตลาดคาดหวังว่า จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทาง ECB ด้วยเม็ดเงินที่มากกว่าช่วงที่ผ่าน ทั้งนี้ต้องติดตามผลการประชุม วันที่ 22 ม.ค. 2558

LTF ยังคงเป็นผู้ช่วยชีวิตตลาดหุ้นไทย
      แนวโน้มเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาค โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 แต่ลดลง 34% เหลือราว 816 ล้านเหรียญฯ ขายสุทธิสูงสุดกลับมาเป็นเกาหลีใต้อีกครั้ง โดยขายสุทธิเป็นวันที่ 7 ราว 469 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้น 29%) ตามมาด้วยไต้หวันขายสุทธิเป็นวันที่ 10 ราว 222 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 66% จากวันก่อนหน้า) ขณะที่อินโดนีเซียขายสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ราว 64 ล้านเหรียญฯ (วันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 4 ล้านเหรียญฯ) ส่วนไทยขายสุทธิเป็นวันที่ 7 แต่ลดลงจากวันก่อนหน้าถึง 79% เหลือราว 36 ล้านเหรียญฯ (1.2 พันล้านบาท) และสุดท้ายคือ ฟิลิปปินส์ขายสุทธิเป็นวันที่ 6 ราว 24 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 46% จากวันก่อนหน้า)
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดหุ้นไทย แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มแผ่วบางลงเหลือเพียง 1.2 พันล้านบาท โดยรวมเป็นการขายสุทธิต่อเนื่อง 7 วันรวมกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท ในทิศทางเดียวกับพอร์ตโบรกเกอร์ที่แรงขายเริ่มแผ่วลงเช่นกัน โดยวานนี้ขายสุทธิราว 527 ล้านบาท (ขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 รวม 1.3 หมื่นล้านบาท) สวนทางกับแรงซื้อจากฝั่งสถาบันที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 สูงถึง 6.9 พันล้านบาท (สูงสุดในรอบเกือบ 8 ปี) ในระยะสั้นเชื่อว่า แรงขายจากต่างชาติน่าจะชะลอตัวลง หลังจาก FED มีท่าทีผ่อนคลายเรื่องดอกเบี้ย ขณะที่แรงซื้อจากสถาบันน่าจะมีมาเพิ่มเติมจากกองทุน LTF

TUF ได้ข้อสรุปในการซื้อ Bumble Bee
     เช้านี้ TUF เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้ข้อสรุป ในการเช้าไปซื้อหุ้นของบริษัทบัมเบิล บี ฟู้ดส์ (Bumble Bee Foods, LLC) ทั้ง 100% มูลค่า 1.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4.95 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Bumble Bee ซึ่งเป็น Private Equity โดยบริษัทบัมเบิล บี ฟู้ดส์ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง อาทิ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ภายใต้แบรนด์หลักๆ ในสหรัฐ คือ Sweet Sue, Snow’s, Beach Cliff และ Wild Selections ส่วนแคนาดา คือ Clover Leaf ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดปลาทูน่ากระป๋องอันดับ 2 ในสหรัฐ ราว 28% เป็นรอง StarKist ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดราว 35% ขณะที่อันดับ 3 คือ Chicken of the Seas (บริษัทย่อยของ TUF) ราว 19%
      นักวิเคราะห์ ASP เคยประเมินแผนการซื้อหุ้นในครั้งนี้น่าจะผ่านระดมทุน 2 ส่วน (อ่านรายละเอียดใน Equity Talk วันที่ 8 ก.ค. 2557) คือ การก่อหนี้ 76% หรือราว 38 พันล้านบาท อีกส่วนมาจากการเพิ่มทุน 19% หรือ 9.3 พันล้านบาท และที่เหลือ มาจากเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ 2.2 พันล้านบาท (เนื่องจากมีกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจการปีละกว่า 5 พันล้านบาท โดยไม่รวมเงินสดในมืออีกราว 4.2 พันล้านบาท) ปัจจุบันมีหนี้สินสุทธิต่อหุ้นราว 0.9 เท่า ซึ่งต่ำมาก และ หลังจากการก่อหนี้ครั้งนี้แล้วคาดว่าจะเพิ่มสู่ระดับไม่เกิน 1.5 เท่า ส่วนการเพิ่มทุนนั้นนักวิเคราะห์ ASP ประเมินเบื้องต้นว่าหากกำหนดราคาเพิ่มทุนไม่ต่ำกว่า 60 บาท คาดว่าจะต้องกำหนดอัตราส่วนการจัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ 7:1 หรือน่าจะมี dilution เพียง 12.5% ซึ่งน่าจะสามารถหักล้างได้จากผลกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการในครั้งนี้

ทั้งนี้ ข้อดีของการเข้าไปซื้อกิจการคือ
1.ขยายฐานตลาดซึ่งจะทำให้ครอบคลุมตลาดทั่วโลก
2.ทำให้เกิด economy of scale ประสิทธิภาพการทำกำไร ทั้ง gross margin และ EBITDA Margin
3.เพิ่มอำนาจในการกำหนดราคาขายสินค้า และอำนาจต่อรองในการสั่งซื้อวัตถุดิบได้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ความเสี่ยงและอุปสรรคในการเข้าซื้อกิจการ Bumble Bee คือ กฎหมายป้องกันการผูกขาดสินค้าในตลาดสหรัฐฯ (Anti-trust Law) เนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดของ TUF ภายหลังเข้าซื้อกิจการจะเพิ่มขึ้นเป็น 48% ของมูลค่าตลาดทูน่ากระป๋องในสหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องได้รับอนุมัติในการควบรวมกิจการจากหน่วยงานภาครัฐฯ ก่อน ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือนนับจากวันที่เข้าซื้อกิจการ

       ภายใต้การเข้าไปซื้อกิจการดังกล่าว ที่อยู่บนสมมติฐานการก่อหนี้ และ เพิ่มทุนบางส่วนข้างต้น คาดว่าจะทำให้มูลค่าพื้นฐานของหุ้น TUF เพิ่มขึ้นราว 12-14 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับมูลค่าพื้นฐานปี 2558 ที่ 91 บาท คาดว่าหลังการซื้อกิจการFair Value จะเพิ่มเป็นราว 103 บาท ยังคงคำแนะนำ ซื้อ อย่างไรก็ตามเนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้น จาก 70 บาทต้น ๆ ในช่วงปลายเดือน ต.ค. ขึ้นมาอยู่ที่ 92.25 บาท หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในช่วงกว่า 1 เดือน จึงแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง (ติดตามรายละเอียดใน Equity Talk อีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากได้ข้อมูลเพิ่มเติม จากการที่นักวิเคราะห์ ASP กำลังจะเข้าไปร่วมประชุมกับผู้บริหารในเช้าวันนี้)

หุ้นที่แนะนำใน Market talk