WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีแกว่งตัวกรอบที่ค่อนข้างแคบ โดยเปิดตลาดด้วยจุดที่เกือบสูงสุดของวัน 1515.49 จุด บวก 5.08 จุด หลังจากนั้นแกว่งตัวระหว่าง 1515-1505 จุด ก่อนที่จะมาทิ้งตัวหลุด 1500 จุด เกือบครึ่งชม.สุดท้าย โดยเป็นแรงเทขายในหุ้นกลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันตลาดกลับมาสนใจในหุ้นทีเป็นรายตัว อาทิ AJD-W1, AJD, TRUE, CEN UWC-W1 สำหรับกรอบการเคลื่อนทั้งวันอยู่ที่ 1493.39-1516.17 = 22.78 จุด ดัชนีทำปิดที่ 1498.22 ลดลง 12.19 จุด (-0.81%) มูลค่าการซื้อขายเบาบางมาก 23,111 ล้านบาท กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไปมียอดซื้อสุทธิ 925 //323 //281 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนบัญชี บล.ยอดขายสุทธิเพียงฝ่ายเดียว 1,530 ล้านบาท

ภาพตลาดวันนี้
  วันสุดท้ายของปีกำลังจะมาเยือน ไม่รู้ว่าดัชนีจะสามารถยืนเหนือ 1500 จุดได้มั้ย ภาพดัชนีวานนี้ทำให้ต้องลุ้นอยู่พอควร หลังจากเปิดตลาดได้ดัชนีแกว่งตัวค่อนข้างแคบระหว่าง 1515-1500 จุด ก่อนที่จะไหลหลุด 1500 จุดในครึ่งชม.สุดท้ายก่อนปิดตลาด ทำจุดต่ำสุดที่ 1493.39 จุด โดยสามารถขึ้นมาปิดอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้ 1498.22 จุด แต่อย่างไรก็ตามภาพระยะสั้นกลับมาส่งสัญญาณในเชิงลบอีกครั้งพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เบาบางมากเพียง 23,000 ล้านบาท ทำให้มองว่าดัชนียังคงมีทิศทางปรับตัวลงและมีโอกาสที่ไหลลงไปปิด Gap ที่เปิดไว้ 1487-1501 ความกว้างของ Gap 14 จุด

กลยุทธ์ : ซื้อเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง // Let Profit Run // รอซื้อแนวรับ
Support 1500-1490 // 1450 จุด Resistance 1540-1550 //1560 จุด

สุนีย์ จันทร์เปล่ง
เลขทะเบียน :18199
Technical Analyst
Tel 02 - 6481121 / 1616
Email: sunee.c@ktbst.co.th

พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Assistance Technical Analyst
Tel 02- 6481124
Email: phannapa.k@ktbst.co.th


บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

Market Trend
    ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29 ธ.ค.) SET Index ปิดที่ 1498.22 จุด ลดลง 12.19 จุด หรือ 0.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23,113 ล้านบาท ปริมาณซื้อขายของตลาดที่ค่อนข้างน้อย ดัชนีฯอาจไม่มีความผันผวนนัก แต่ราคาหุ้นขนาดใหญ่นั้นสลับบวกสลับลบตลอดทั้งวัน แต่มีแรงขายเติมเข้ามากดให้ดัชนีฯลดลงจากที่แกว่งแบบ sideway นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการบวกของตลาดหุ้นรอบบ้านเท่าใดนัก ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะกำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว
      ตลาดหุ้นต่างประเทศวันที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง นักลงทุนชะลอการลงทุนก่อนเข้าวันหยุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปบวกขึ้นเล็กน้อยจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
     ความกังวลเรื่อง กรีซ เป็นส่วนหนึ่งที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก มาตั้งแต่วานนี้ เพราะกรีซจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ 25 ม.ค.ปีหน้า หลังไม่สามารถเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ได้ เรื่องที่ตลาดกังวลอยู่คือ เงินช่วยเหลือ $2.92 แสนล้านเหรียญ ซึ่งจะครบกำหนดการชำระคืนประมาณเดือน ก.พ.นั้นอาจเกิดปัญหาขึ้นมาได้
ราคาน้ำมันดิบ WTI (Feb) ปิดตลาด NYMEX ที่ $.53.61 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 1.12 เหรียญ ความกังวลเรื่อง oversupply ยังมีอยู่ในตลาด แม้ปัญหาการส่งออกน้ำมันของลิเบีย จะทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงไป 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวันก็ตาม ... เราประเมินว่าตราบที่ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ภาวะ oversupply จะมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเข้ามาในตลาด ราคาน้ำมันก็ยังมีความเสี่ยงที่จะลดลง และราคาน้ำมันก็จะเหวี่ยงตัวไปมาตามน้ำหนักของข่าวที่ออกมารายวัน
     ญี่ปุ่นมีแผนกระตุ้นภาคธุรกิจ - อาทิ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง 3.29% (2 ปี) และยืดเวลาการนำเอาผลขาดทุนมาลดหย่อนภาษี เป็นต้น เป็นข่าวบวกที่ตลาดยังไม่รับรู้ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะยังไม่มีการอนุมัติแผนนี้ออกมาอย่างเป็นทางการ
    เศรษฐกิจไทย - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มอง GDP ไตรมาส 4 ปี 2557 ว่าจะโตได้ 3.2% คาดทั้งปีโตได้ 1% ส่วนส่งออกทั้งปีไม่ติดลบ พร้อมประเมิน GDP ปี 58 จะโตที่ระดับ 4% เชื่อมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐจะทำให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
ทิศทางตลาดหุ้นไทย ด้วยความกังวลที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นต่างประเทศ ทั้ง เรื่องกรีซ ราคาน้ำมัน และภาวะเศรษฐกิจของโลก ซึ่งล้วนเป็นข่าวเชิงลบ จะทำให้ SET Index ในวันสุดท้ายของปีอาจปิดตัวได้ไม่สวยงามนัก อย่างไรก็ตาม ในระหว่างวัน อาจมีแรงซื้อกลับของหุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัว หากปรับตัวลงไปมาก
     กลยุทธ์การลงทุน การซื้อขายของหุ้นในตลาดวานนี้ เห็นได้ชัดว่านักลงทุนเข้ามาเลือกลงทุนเป็นบางตัว ขณะเดียวกันมีนักลงทุนพร้อมที่จะขาย หากราคาปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ แนวโน้มตลาดหลังผ่านช่วงวันหยุดยาว ยังมีความไม่แน่นอน โดยรวม เราจึงแนะนำให้ชะลอการลงทุนก่อน และกลับมาพิจารณาว่าควรจะซื้อหรือขายหลังจากผ่านช่วงวันหยุดนี้ไปแล้ว
หุ้นที่คาดว่าจะมีการ rebound ในระหว่างวันหรือมีโอกาสที่จะเป็นบวก แต่จะเหมาะกับการลงทุนแบบจบในวัน ประกอบด้วย ADVANC , TRUE, KBANK, KTB เป็นต้น และหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากข่าว คือ AAV (ราคาเป้าหมายโดย KTBST =5.40 บาท) ระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบบ้างในเชิงจิตวิทยา แต่ผลบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้หุ้นยังน่าลงทุนอยู่ต่อไป สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในกลุ่มอื่นๆ จะเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นหุ้นจ่ายปันผลสูง (DCON, KGI) และ หุ้น Digital Economy (AIT, SAMTEL, SAMART)

Stock in Focus
TRC: (ราคาปิด 4.20 บาท; ราคาเป้าหมาย โดย IAA Consensus 4.63 บาท) เป็นบริษัทที่ผลการดำเนินงาน ปี '57 จะโดดเด่นไม่แพ้แห่งอื่น กำไรงวด 9 เดือนแรก (184.5 ล้านบาท) โตถึง 223% ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E ไม่ถึง 14 เท่า เกือบจะต่ำที่สุดในรอบปี เป็นผลจากกำไรขึ้นเร็วกว่าราคาหุ้น ... TRC เป็นหุ้นที่ถูกพูดถึงกันมาก ในเรื่องความเชี่ยวชาญงานวางท่อก๊าซ และรับงานของกลุ่ม PTT ซึ่งน่าจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง (ในประเทศ) แม้ราคาน้ำมันจะลดลงก็ตาม

มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!