WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Claim Down
ตลาดหุ้นวานนี้:
    ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดปรับฐานลงทดสอบแนว 1,460-1,465 จุด กดดันด้วยกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร แต่เกิด Technical Rebound บวกกับตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัว ส่งผลให้กลุ่ม ICT / ขนส่ง ฟื้นตัวเด่น ผลักดันให้ SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,470 จุด ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,477.58 จุด ลบเป็นวันที่ 2 อีก 5.67 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 47,747 ล้านบาท
แม้ว่าต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ของปีนี้ 3,956 ล้านบาท พร้อมทั้งปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures ด้วยสถานะ Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 1,972 สัญญา คาดว่าจะนำเงินพักที่ตลาดตราสารหนี้ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 6,183 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2542 ที่ US$47.93/barrel กลายเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของ PTT / PTTEP แต่เป็นบวกต่อกลุ่มสายการบิน
•วันนี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ เดือนธ.ค. Bloomberg consensus คาด 2.35 แสนตำแหน่ง เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.08 แสนตำแหน่ง
•และ รายงานการประชุมเฟด ในเดือนธ.ค. ประเด็นที่น่าสนใจคือ มุมมองต่อเงินเฟ้อและราคาน้ำมันดิบ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และสภาพคล่องมากน้อยเพียงใด

มุมมองต่อตลาด
     เราคงมุมมองการลงทุนด้วยระดับ “กลาง” เป็นวันที่ 3 หลัง SET INDEX กลับมาปิดยืนเหนือ 1,470 จุดได้อีกครั้ง แต่ภาพตลาดหุ้นไทยโดยรวมยังคงเป็นการแกว่งในกรอบ 1,470-1,480 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้น ทั้งนี้เราให้น้ำหนักกับกลุ่มธนาคารที่ปรับฐานลงแรงตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา หากทรงตัวถึงฟื้นตัวได้จะเป็นตัวส่งสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโดยรวมในรอบสั้นนี้ ขณะที่กลุ่ม ICT จะเป็นกลุ่มที่ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในภาพรวม แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี กดดัน PTT / PTTEP แต่ราคาหุ้นทั้ง 2 ปรับตัวลง 15.67% และ 21.03% ตามลำดับ นับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.ถึงวานนี้ น่าจะสะท้อนปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวไปมากแล้วเช่นกัน
    ตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา สถาบันภายในประเทศขายสุทธิ 3,983 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 6,290 ล้านบาท อาจสะท้อนการไถ่ถอนกองทุน LTF ในช่วงต้นปีของปีนี้เบาบาง ขณะที่แรงขายจากต่างชาติ เราเชื่อว่าจะเป็นไปอย่างจำกัด หากประเมินยอดสุทธิตั้งแต่ต้นปี 2556 จนถึงวานนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 2.36 แสนล้านบาท
ตลาด Nikkei / Kospi เช้านี้ (7.25 น) เปิดลบ เล็กน้อย หลัง Nikkei ปิดลบไปกว่า 3% วานนี้ ทั้งนี้ตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ เริ่มทรงตัวดีขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับตัวลงแรงต่อคืนวานนี้ก็ตาม
กลยุทธ์การลงทุน
    เราแนะนำ “นักลงทุนควรพิจารณาทยอยสะสมหุ้นที่ผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น หรือผลตอบแทนเงินปันผลงวดปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5%” เป็นทางเลือก ขณะที่นักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้นต่อกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงในช่วงสั้นนี้

Portfolio Top Pick in 1Q15: ADVANC / BJCHI / ITD / KTB
HOLD: ITD / TPIPL/ BJCHI
Accumulative Buy: KTB
Trading Buy: AAV
Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 21.40 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET ประเมินว่าการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคารตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดย SET BANK -4.4% YTD เทียบกับ SET INDEX -1.4% จากการปรับพอร์ตของกองทุนในประเทศให้สอดคล้องกับการไถ่ถอนกองทุน LTF เป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้น และเปิดโอกาสให้เข้าสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร
b)คาดราคาหุ้น KTB มี Downside ที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก
I.ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี โดยคาดการณ์เงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 0.90 บาท (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)
II.ซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.21 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.36 เท่า และเทียบกับหุ้นธนาคารใหญ่ ได้แก่ SCB 1.86 เท่า, KBANK 1.72 เท่า, BAY 1.75 เท่า
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +10.3% yoy เป็น 36,538 ล้านบาท และเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯในปี 2558 เนื่องจากมีสัดส่วนการปล่อยกู้โครงการภาครัฐฯ สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.AAV : ราคาปิด 4.54 บาท ราคาเหมาะสม 5.50 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาดต่อเนื่องในวันนี้ เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงอีก -4.2% dod เหลือ US$47.93/barrel ทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี
b)เนื่องจากจะส่งผลให้ราคาน้ำมันอากาศยาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจสายการบินปรับตัวลงในทิศทางเดียวเดียว และส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการปี 2558
c)คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2558 หลังเข้าพบผู้บริหารวานนี้ และเราปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมันอากาศยานปี 2558 ลงจากเดิม 31% เหลือ US$85.00/barrel
a)ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2558 เพิ่มขึ้นจากเดิม 28.4% เป็น 2,024 ล้านบาท เติบโต +1,149.2% yoy และ Valuation ยังค่อนข้างถูก เนื่องจากซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.8 เท่า และทำให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 5.50 บาท จากเดิมที่ 4.90 บาท

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติขายสุทธิมากถึง US$1,072 ล้าน โดยเป็นการขายสุทธิหนาแน่นในเอเชียเหนือ
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -567.1 -103.5 -669.8 13,190.4 9,188.0
KOSPI -326.3 68.2 -228.0 6,165.50 4,875.1
JSE -34.9 -11.5 -46.7 3,750.60 -1,806.4
PSE -25.4 1.9 -23.5 1,256.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 2.1 0.7 2.8 135.6 263.2
SET INDEX -120.3 -56.0 -176.4 -1,091.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
คาดต่างชาติขายตลาดหุ้น เพื่อนำไปพักในตลาดตราสารหนี้
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -3,965 -1,847
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,972 +3,989
SSF (สัญญา) +1,069 +1,408
Metal Futures (สัญญา) +634 +1,359
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +6,183 +2,648

    นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 3,965 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 5,958 ล้านบาท แต่ยอด YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิ 5,812 ล้านบาท
    ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 1,972 สัญญา เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 31,740 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long เพื่อปิดความเสี่ยงช่วงสั้น ส่งผลให้ S50M15 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 6.30 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 5.10 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ คาดว่าจะนำเงินเข้าพักในตลาดตราสารหนี้ ด้วยการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 มากถึง 6,183 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 9,091 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 4.53bps ปิดที่ 2.557%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 1,069 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 940 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 330.42 13.35% 311.01
KBANK 271.11 9.02% 213.04
PTTEP 123.81 14.00% 104.85
SCB 31.91 1.75% 174.59
KTB 31.59 1.50% 21.60

NVDR Movement
NVDR ลดน้ำหนักการลงทุนลักษณะ Basket Orders
การซื้อขายผ่าน NVDR เป็น ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 มากถึง 3,301 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิมากถึง 4,271 ล้านบาท โดยเน้นการขายกลุ่ม ICT และเป็นลักษณะแบบ Basket Orders สรุปภาพรวมของ NVDR ได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 มากถึง 1,048 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 421 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ขายสุทธิ 693 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 118 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 514 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 222 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 239 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 225 ล้านบาท
2.กลุ่ม HOME ถูกซื้อสุทธิ 88 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
AJD 58.31 16.41 SCC -480.85 33.36
PTT 43.63 6.60 ADVANC -440.76 31.23
AAV 33.44 8.00 KBANK -284.23 39.21
TMB 29.47 3.97 DTAC -278.18 41.09
IFEC 29.40 5.32 INTUCH -234.63 23.23

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!