WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“ปี 58 รัฐจัดงบลงทุน 4.5 แสนล้านบาท”
      • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : VGI (จาก Fully Valued เป็นซื้อ), DTAC (จากซื้อเป็นถือ)
     • ภาพตลาดวันก่อน : SET Index ปรับขึ้นแรง 11.89 จุด มาปิดที่ 1469.19 มูลค่าซื้อขายกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท โดยมีแรงซื้อเข้ามาในแทบทุกกลุ่มหลัก ยกเว้นหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่ อย่าง ADVANC, INTUCH, DTAC ที่มีแรงขายออกมา เพราะกังวลว่าเมื่อ TRUE เพิ่มทุนสำเร็จ และมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นและมีโอกาสขยายโครงข่าย & ส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้อีก (จากก่อนหน้านี้มีข้อจำกัดในการลงทุน เพราะหนี้สินต่อทุนสูงมาก) นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ

      • ปัจจัยและกลยุทธ์ : วันนี้ปัจจัยภายนอกมีน้ำหนัก Neutral ส่วนในประเทศมีความคืบหน้าเรื่อง งบประมาณรายจ่ายปี 58 (1 ต.ค.57- 30 ก.ย.58)โดยคสช.เห็นชอบการจัดทำงบฯรายจ่ายปี 58 ที่ 2.575 ล้านล้านบาท โดยมีงบลงทุน 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าจะเริ่มเห็นการเปิดประมูลภาครัฐและเม็ดเงินลงทุนรอบใหม่ของภาคเอกชนตั้งแต่ปลายปี 57 หรือต้นปี 58 เป็นต้นไป (เราคาดว่าการลงทุนจะมี Lag time มากกว่าการอุปโภคบริโภคประมาณ 3-6 เดือนหลังปัญหาการเมืองคลี่คลายและความเชื่อมั่นเรื่องเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะต้องใช้เวลาในการ Review และอนุมัติแผนการลงทุนกันใหม่ก่อน ขณะที่การบริโภคโดยเฉพาะในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันจะกลับมาได้อย่างรวดเร็ว)

      สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนฟื้นตัว คือ รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, นิคมอุตสาหกรรม และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าวเป็น CK, STEC, SCC, ROJNA,BBL, KTB และ KBANK เรายังคงแนะนำให้ถือ/เลือกซื้อลงทุนในหุ้นดังกล่าวเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว ส่วนการลงทุนตามรอบโดยใช้การวิเคราะห์ทงเทคนิค เห็นว่าตลาดยังอยู่ในโมเมนตัมบวกแม้ว่าจะมีการแกว่งตัวมากขึ้น เนื่องจาก SET Index ยังสามารถยืนเหนือแนวฟิวเตอร์ 1440 จุดได้ กลยุทธ์หลัก คือ ซื้อตามค่าบวก กลยุทธ์รองเป็นการซื้ออ่อนตัวแต่ไม่ต่ำกว่า 1440 จุด แนวต้านระยะสั้น 1480, 1500 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำของวันนี้ คือROJNA

 

Fundamental Pick
ROJNA แนะนำซื้อปิด 8.10 บาท ราคาพื้นฐาน 9.21 บาท
• ปัจจุบัน ROJNA มี Backlog มากสุดในกลุ่มรายใหญ่คือ 3,100 ไร่ เทียบกับ AMATA และHEMRAJ ที่มีอยู่ 740 ไร่ และ 430 ไร่ ตามลำดับ ดังนั้นจึงมีโอกาสจะบันทึกรายได้สูง ขณะที่รอการขายฟื้นตัว ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ได้มีการปรับคาดการณ์กำไรปี 57 และปี 58 ขึ้นในอัตราที่สูงเป็น 30% และ 27% ตามลำดับด้วยสองสมมุติฐานคือ 1) ให้มีการโอนรับรู้รายได้จากที่ดินในนิคมฯปีนี้ได้มากขึ้นอีก 11% เป็น 3 พันล้านบาท และ 2) ปรับอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนการใช้กำลังผลิตที่สูงขึ้น (ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 430 MW) ส่วนธุรกิจไฟฟ้าโซล่าเฟสแรกที่ 8 เมกกะวัตต์ เริ่ม COD ปลาย เม.ย.57 ส่วนอีก 2 เฟสๆละ 8 เมกกะวัตต์จะเริ่ม COD ได้ไม่นานจากนี้ รายได้ต่อปีทั้งสามเฟส ประมาณ 300 ล้านบาท ด้านธุรกิจน้ำมีการจำหน่ายตกวันละ 40,000 คิว จากกำลังการผลิตทั้งหมดที่ 65,000 คิว หรือ 62% ถือว่าทยอยฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 56 แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 9.21 บาท (Sum-of-parts)

 

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ธุรกิจขนาดเล็กไปได้ดี และสต็อกภาคค้าส่งเม.ย.เพิ่มขึ้น
+ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) ระบุว่าดัชนีมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็กปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ 96.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 95.2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.50 หรือก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งหลังสุด
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้น 1.1% เท่ากับที่เพิ่ม 1.1% ในเดือนมี.ค.

• ตลาดหุ้นสหรัฐทรงๆ
• ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,945.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด หรือ +0.02% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,338.00 จุด เพิ่มขึ้น 1.76 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,950.79จุด ลดลง 0.48 จุด หรือ -0.02% โดยนักลงทุนมีการขายทำกำไรหลังจากดัชนีปรับขึ้นมามาก

• สัญญาน้ำมันดิบอยู่ในกรอบแคบ
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 6 เซนต์ ปิดที่ 104.35 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่109.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยจับตา คือ การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค)ในวันพุธที่ 11 มิ.ย.นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ารัฐมนตรีกลุ่มโอเปคจะคงเพดานการผลิตน้ำมันของกลุ่มไว้ที่ระดับเดิม 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน พร้อมกับจับตาดูว่าซาอุดิอาระเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นหรือไม่

+ สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้น 0.5%
+ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 6.2ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,260.1 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลจากปัจจัยทางเทคนิค และได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยของยูโรโซนที่ต่ำมากหลัง ECB ประกาศลดดอกเบี้ยเป็น 0.15% ในการประชุมครั้งล่าสุด และคาดการณ์ว่าอุปสงค์ทองคำจากจีนจะเพิ่มขึ้น เมื่อเศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตดีขึ้น

ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
+ คสช.เห็นชอบงบประมาณรายจ่ายปี 58(ต.ค.57-ก.ย.58) ที่ 2.575 ล้านล้านบาทแล้วโดยมีงบลงทุน 4.5 แสนล้านบาท ... กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนที่ฟื้นตัว คือรับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, นิคมอุตสาหกรรม และธนาคารพาณิชย์ หุ้นเด่นเป็น CK, STEC, SCC, ROJNA, BBL, KTBและ KBANK
+ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า คสช.ได้เห็นชอบปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 โดยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ก.ย.57 โดยงบประมาณรายจ่ายปี 58 จะอยู่ที่2.575 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5 หมื่นล้าบาท และเป็นงบขาดดุล 2.5 แสนล้านบาท(จากประมาณการรายได้ที่ 2.325 ล้านล้านบาท) สำหรับงบลงทุนในงบประมาณปี 58 อยู่ที่ 4.5แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 17.5% ของงบประมาณรายจ่ายโดยรวม ทั้งนี้ตัวเลขงบประมาณดังกล่าวอยู่บนสมมติฐาน GDP Growth ปี 58 ที่ 3.5-4% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 2.3% รวมทั้งยังคงมีเป้าหมายงบประมาณสมดุลในปี 60 เหมือนเดิม

      ความเห็น Retail Research : เห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีความชัดเจนมากขึ้น ความกังวลว่างบประมาณปี 58 จะล่าช้าได้หายไป ขณะเดียวกันการเดินหน้าใช้จ่ายและลงทุนก็ดีขึ้นทั้งในภาครัฐ & เอกชน โดยเราคาดการณ์ว่าการลงทุนจะมี Lag time ประมาณ 3 เดือน (ช่วงมิ.ย.-ส.ค.57) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั้งภาครัฐและเอกชน Review โครงการลงทุนส่วนต่อขยายหรือลงทุนในโครงการใหม่ หลังจากนั้นก็จะเริ่มลงทุนรอบใหม่และเห็นเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบมากขึ้นตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป (ตรงกับการเริ่มต้นงบประมาณรายจ่ายปี 58 พอดี) ในขณะที่การอุปโภคบริโภคจะมี Lag time น้อยกว่า โดยเฉพาะในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน จะมีการฟื้นตัวเร็วมาก

       สำหรับโครงการลงทุนขั้นพื้นฐาน เชื่อว่าทางคสช.จะพิจารณาเดินหน้าต่อ โดยบางส่วนอาจจะเป็นโครงการที่เคยอยู่ในแผนลงทุนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท หรือในแผนลงทุน 2 ล้านล้านบาทก็ได้ แต่เมื่อโครงการมีความเหมาะสมและจำเป็นก็จะต้องลงทุน เพียงแต่จะจัดระเบียบระยะเวลาของการลงทุนให้สอดคล้องกับงบประมาณรายจ่าย และรักษาวินัยการคลังที่ดี เราคาดการณ์ว่าจะเริ่มเห็นการเปิดประมูลโครงการลงทุนภาครัฐรอบใหม่ในราวปลายปี 57 หรือต้นปี 58 ซึ่งเป็นโอกาสที่ผู้รับเหมาจะได้งานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ขณะที่งานในมือที่มีอยู่ก็ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง

        เราเห็นว่า Story เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งที่เป็นโครงการภาครัฐและเอกชนจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีการลงทุนต่อในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง นิคมอุตสาหกรรม และธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม การลงทุนใหม่ต้องใช้กลยุทธ์เลือกซื้อ และใช้ความระวังมากขึ้นเพราะราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมารับข่าวไปบ้างแล้ว สำหรับหุ้นที่เราชอบในกลุ่มดังกล่าว ประกอบด้วย CK,STEC, SCC, ROJNA, BBL, KTB และ KBANK

+ ธปท.เชื่อเศรษฐกิจไทยจะไม่ถดถอยทางเทคนิค โดย 2Q57 จะขยายตัวเป็นบวกได้
       + ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส3/57 จะฟื้นตัวดีขึ้น ปัจจัยที่ผลักดัน คือ การบริโภค การลงทุน และภาคส่งออกที่พลิกฟื้นและเติบโตดีขึ้น ทางธปท. เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ถดถอยทางเทคนิค โดยในไตรมาส 2/57 มีโอกาสที่จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ แม้ว่าบางภาคเศรษฐกิจจะยังซบเซา สำหรับภาคท่องเที่ยว ประเมินว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับหลังทยอยยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยว

+ การเมือง : คสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวอีก 20 จังหวัด
       + เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.57 คสช.ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวเพิ่มเติมอีก 20 จังหวัด โดยให้มีผลทันที ซึ่งจังหวัดดังกล่าวประกอบด้วย กาญจนบุรี, ราชบุรี, อำเภอเขาย้อย อำเภอหนองหญ้าปล้องอำเภอท่ายาง อำเภอบ้านลาด อำเภอบานแหลม อำเภอแก่งกระจาน และ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดระยอง, จันทบุรี, อำเภอคลองใหญ่ อำเภอเขาสมิง อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเกาะกูด และ อำเภอเมือง จังหวัดตราด, นครพนม, สกลนคร, ร้อยเอ็ด, เลย, สุรินทร์,ตาก, สุโขทัย, แม่ฮ่องสอน, อุตรดิตถ์, แพร่, น่าน, อำเภอสะเดา และ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา, ตรัง และสตูล
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!