WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน
        ผลจากคำวินิจฉัยของศาลฯ วันนี้น่าจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางของ SET Index โดยมีโอกาสที่จะออกมาในเชิงลบมากกว่า ตัวเลือกที่ปลอดภัยยังคงเป็นหุ้น Global Play IRPC(FV@B4.2), IVL(FV@B26), TUF(FV@B76), BCP(FV@B36) โดยยังเลือก IVL(FV@B26) Top pick

คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ 12:00 น. กำหนดทิศทางตลาดหุ้น
        หลังจากที่ได้ผ่านกระบวนการไต่สวนพยาน 4 ปาก ในคำร้องให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวหรือไม่ วานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดฟังคำวินิจฉัยในคำร้องดังกล่าว วันนี้ (7 พ.ค.2557) เวลา 12:00 น. แนวทางคำวินิจฉัยที่จะออกมามีความเป็นไปได้หลายทาง ดังนี้คือ
  1.ยกคำร้อง : ถือว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีไม่เข้าข่ายกระทำความผิดตามองค์ประกอบของรัฐธรรมนูญมาตรา 182 (7) นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรียังคงปฎิบัติหน้าที่รักษาการณ์ต่อไป จนกว่าจะมีการเลือกตั้งและได้มาซึ่งรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่ากระแสกดดันจากการชุมนุมต่างๆ จะยังเกิดขึ้นต่อไป หากเกิดกรณีนี้ มีความเป็นไปได้ที่ SET Index จะดีดตัวกลับขึ้นไป
  2.นายกรัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี แต่ คณะรัฐมนตรี รักษาการณ์ต่อไปได้ : ในกรณีนี้จะเกิดการต่อสู้ทางแนวคิดในเบื้องต้นคือ จะให้รองนายรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการณ์แทนนายกรัฐมนตรี หรือ จะต้องมีการสรรหาบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งหากต้องสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ก็น่าจะเป็นหน้าที่ของ วุฒิสภา อย่างไรก็ตามเมือได้นายกรัฐมนตรีใหม่แล้ว การแต่งตั้งรัฐมนตรีก็ควรอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีทั้งชุดก็ได้ ผลกระทบต่อ SET Index น่าจะทำให้ปรับฐานลงไปก่อน หลังจากนั้นเคลื่อนไหวผันผวนรอดูนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่าจะเป็นใคร และกำหนดการต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง
  3.นายกรัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี พร้อมกับ คณะรัฐมนตรีบางส่วน : ผลของกรณีนี้ไม่น่าจะต่างกับ กรณีที่ 2 ส่วนจำนวนรัฐมนตรีที่อาจพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีพร้อมไปด้วย อ้างอิงตามข้อมูลใน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ พบว่ามี 9 ตำแหน่ง ผลกระทบต่อ SET Index น่าจะทำให้ปรับฐานลงไปก่อน หลังจากนั้นเคลื่อนไหวผันผวนรอดูนายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่าจะเป็นใคร และกำหนดการต่างๆ ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง
  4.นายกรัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี พร้อมกับ คณะรัฐมนตรีทั้งหมด : ในกรณีนี้จะนำไปสู่ภาวะที่เป็นสุญญากาศทางการเมือง ซึ่งกระบวนการในการทำให้ได้มาซึ่งรัฐบาลในการบริหารประเทศ จะมีแนวทางที่หลากหลาย โดยแต่ละฝ่ายต่างก็มีแนวทางการดำเนินงานของตนเอง ทำให้มีโอกาสเดินไปสู่ความวุ่นวายได้ค่อนข้างมาก ผลลักษณะดังกล่าวน่าจะส่งผลเชิงลบต่อ SET Index มากที่สุด เนื่องจากจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดการเลือกตั้งและได้มาซึ่งรัฐบาลใหม่เมื่อใด
นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากพัฒนาการของเหตุการณ์ต่างๆ จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อ SET Index ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่บริเวณ Current PER 15 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2557 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 12%

OECD ปรับลด GDP Growth สหรัฐปีนี้ลง แต่ฟื้นตัวแรงปีหน้า
      วานนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขดุลการค้าในเดือน มี.ค. พบว่า มีการขาดดุลลดลง 3.6%mom มาอยู่ที่ 4.04 หมื่นล้านเหรียญฯ (ลดลงจากเดือนก่อนหน้าราว 4.5%) โดยภาคการส่งออกขยายตัว 2.1%mom (เป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ พ.ย. 2556) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดการส่งออกเครื่องบิน ยานยนต์ และสินค้าเกษตร ขณะที่การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.1%mom (สูงสุดในรอบ 2 ปี ) จากการปรับตัวขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าการขาดดุลการค้าจะปรับลดลงต่อเนื่อง จากการที่สหรัฐสามารถผลิตพลังงานได้เพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการนำเข้า
  อย่างไรก็ตาม การรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ของสหรัฐ ในงวด 1Q57 ที่เติบโต 2.3%yoy (หรือ 0.025%qoq) ลดลงจากงวดก่อนหน้าที่เติบโต 2.6% yoy (0.65%qoq) และต่ำกว่าประมาณการที่คาดว่าจะขยายตัว 0.3%qoq ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลบมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วง 1Q57 ส่งผลให้องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ปรับลด GDP Growth สหรัฐในปี 2557 เหลือ 2.6% จาก 2.9% ในการประมาณการครั้งก่อนหน้า (ต่ำกว่าที่ IMF คาดไว้ที่ 2.8%) ส่วนในปี 2558 คาดว่าจะขยายตัว 3.5% เทียบกับประมาณการเดิมที่ 3.4% (IMF คาดว่าจะขยายตัว 2.3%) รวมไปถึงได้ปรับลด GDP Growth โลก ลงที่ระดับ 3.4% (ต่ำกว่าที่คาดไว้ในครั้งก่อน และที่ IMF คาดว่า ที่ระดับ 3.6%)

การเมืองน่าจะเป็นปัจจัยกดดันเงินทุนไหลเข้าช่วงสั้น
      วานนี้นักลงทุนต่างชาติสลับมาขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคอีกครั้ง ราว 54 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น (ซื้อสุทธิติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า) ซึ่งเกิดจากการขายสุทธิออกมาเพียงประเทศเดียว คือ ไต้หวัน ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 85 ล้านเหรียญฯ (วันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 4 ล้านเหรียญฯ) ขณะที่ประเทศอื่นๆเป็นการซื้อสุทธิเบาบาง เริ่มจาก ไทยซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 แต่ยอดซื้อลดลงถึง 78% เหลือราว 11 ล้านเหรียญฯ (366 ล้านบาท) ใกล้เคียงกับฟิลิปปินส์ที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 26 ราว 11 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 11% จากวันก่อนหน้า) สุดท้ายคือ อินโดนีเซียซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ราว 9 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 66%) ขณะที่ตลาดในเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องจากเป็นวันสำคัญทางศาสนา
  ทั้งนี้ แม้ว่าต่างชาติจะยังคงซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่ยอดการซื้อเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 สัปดาห์หลังสุด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค อีกทั้งยังมีปัจจัยกดดันจากการเมืองในประเทศ รวมถึงการที่ SET ซื้อขายกันที่ PER ระดับ 15 เท่า น่าจะมีส่วนจำกัดปริมาณเงินทุนที่จะไหลเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติจะยังไม่เทขายออกมาอย่างหนักในช่วงนี้ แต่จะเป็นการทยอยเข้าซื้อเบาบาง และสลับมาขายสุทธิออกมาบ้างตามสถานการณ์

ผลประกอบการงวด 1Q57 หุ้น Global ยังเติบโตได้ดี
       การรายงานงบงวด 1Q57 ของกลุ่มภาคการผลิตที่ออกมาพบว่า บริษัทที่เน้นการเติบโตตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตได้ดี ดังนี้ (ติดตามอ่านได้จาก Equity Talk ฉบับวันนี้)
  KCE (ซื้อ : FV@B40.5) กำไรสุทธิงวด 1Q57 เพิ่มขึ้น 16.4% qoq และ 61.4% yoy ทำ New High เป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ผลจากคำสั่งซื้อของลูกค้าเก่าและใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง Gross Margin ยังปรับสูงขึ้น บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง 2.9% qoq โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิของ KCE ในงวด 1Q57 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี 2557 ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2557-58 โดยคาดการณ์กำไรสุทธิเติบโตถึง 52.2% yoy จากความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ประมาณการปัจจุบันยังไม่ได้รวมเงินประกันจากการหยุดชะงักทางธุรกิจ (BI) อีกราว 400 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงเจรจากับบริษัทประกันภัย ทำให้ฝ่ายวิจัยมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2557 เมื่อได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
  MAKRO (ถือ : FV@B34) กำไรสุทธิงวด 1Q57 ลดลง 3% qoq จากผลของฤดูกาล แต่เพิ่มขึ้นถึง 26% yoy แม้ยอดขายจากสาขาในกรุงเทพจะลดลงจากปัญหาการเมือง แต่ได้ชดเชยจากสาขาต่างจังหวัด รวมทั้ง Gross Margin ยังเพิ่มขึ้นโดดเด่น และการได้พันธมิตรคือ CPALL ทำให้มีเงื่อนไขการค้าที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรงวด 1Q57 คิดเป็น 24% ของประมาณการทั้งปี ฝ่ายวิจัยคาดกำไรในปีนี้จะเติบโตโดดเด่นที่ 24% yoy แต่เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันที่ค่อนข้างแพงกว่ากลุ่มฯ Expected PER สูงถึง 29.4 เท่า (เทียบกับกลุ่มฯที่ 26.4 เท่า) จึงแนะนำเพียง “ถือ” และ Switch ไป CPALL ซึ่งถูกกว่าและยังได้ประโยชน์จากการถือหุ้น MAKRO เช่นกัน
  ADVANC (ซื้อ : FV@B270) กำไรสุทธิงวด 1Q57 เพิ่มขึ้น 7.5% qoq แต่ลดลง 4.5% yoy โดยรายได้จากการบริการทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดก่อนหน้า แต่ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์การเมืองกดดันและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้รายได้จากลูกค้าที่ใช้บริการเสียงลดลงแต่ลูกค้าที่ใช้บริการข้อมูลยังเติบโตได้ ส่งผลกำไรงวด 1Q57 คิดเป็น 24% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการไว้ ประกอบกับ Valuation เทียบกลุ่มยังถูก Expected PER เพียง 16.6 เท่า เทียบกับกลุ่มสื่อสารซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 20.6 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ”
  คาดการณ์ SET50–SET100 งวด 2H57 เบื้องต้น : เก็งกำไรระยะสั้น
ฝ่ายวิจัยคาดการณ์หุ้นเข้าคำนวณ SET50 และ SET100 รอบ 2H57 (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.–31 ธ.ค. 2557) ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ในเบื้องต้น มีดังนี้
  หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบ 2H57 : M และ KKP
  หุ้นที่คาดว่าจะหลุดจาก SET50 รอบ 2H57 : CK และ THAI
(ความน่าจะเป็นราว 95%)
  หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET100 รอบ 2H57 : M, PSL, MEGA, EARTH, BJCHI, MC, NOK, NYT และ THREL
  หุ้นที่คาดว่าจะหลุดจาก SET100 รอบ 2H57 : ASP, CHG, DCC, JMART, MBK, SF, SSI, TASCO และ THRE
(ความน่าจะเป็นราว 70%)
       จากการศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่า หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50-SET100 ราคามักจะปรับตัวขึ้นตอบรับเชิงบวกต่อการประกาศดังกล่าว สวนทางกับหุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกที่มักจะปรับตัวลง โดยหุ้นทีคาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 ซื้อก่อนเข้าคำนวณจริง (1 ก.ค.) ราว 3 - 4 สัปดาห์ ในอดีตให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 6.5 - 7.5% ด้วยความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึงกว่า 80% ส่วนหุ้นทีคาดว่าจะเข้าคำนวณ SET100 ซื้อก่อนเข้าคำนวณจริง 3 - 4 สัปดาห์เช่นกัน ในอดีตให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 2.5 - 3.0% ด้วยความน่าจะเป็นที่ผลตอบแทนเป็นบวกราว 60 - 70% (ติดตามอ่านได้จากรายงาน Quantitative Analysis ฉบับวันนี้)
      อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหุ้นที่เข้าคาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 และ SET100 ดังกล่าวส่วนใหญ่เต็มมูลค่า หรือมี upside ค่อนข้างจำกัด ดังนั้น การลงทุนประเด็นดังกล่าวในช่วงนี้จึงเป็นลักษณะของการเก็งกำไร หรือรอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลง ตามแรงกดดันของปัจจัยทางการเมือง
       ข้อจำกัด : การคาดการณ์นี้ข้อมูลที่นำมาใช้ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์จะต้องใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2556 – 31 พ.ค. 2557 แต่คาดการณ์นี้ใช้ข้อมูลถึงวันที่ 6 พ.ค. 2557 จึงทำให้รายชื่อหุ้นบางตัวที่เข้า-ออกอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งฝ่ายวิจัยจะทบทวนรายชื่อหุ้นอีกครั้งหลังจากที่มีข้อมูลครบถ้วนในช่วงปลายเดือนนี้

ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
พบชัย ภัทราวิชญ์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!