WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“จับตาการเมือง”


• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ADVAN / ROJNA (จากซื้อเป็นถือ)
        • ภาพตลาดวันก่อน : SET Index ดิ่งลงแรง 17.47 จุด มาปิดที่ 1404.01 มูลค่าซื้อขายเกือบ 3 หมื่นล้านบาท โดยตลาดอ่อนตัวลงแรงในช่วงบ่ายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยสถานภาพนายกฯและคณะรัฐมนตรีในวันที่ 7 พ.ค.57 เวลา 12.00 น. ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดประเมินไว้ และกังวลว่าจะเกิดภาวะสุญญากาศถ้าศาลฯมีคำสั่งแล้วทำให้นายกรัฐมนตรีและคณะต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ รวมทั้งมีความกังวลว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล โดยเมื่อวานนี้มีเหตุระเบิดที่อ.หาดใหญ่ 2 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 389 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิเล็กน้อย 176 ล้านบาท พอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
        • ปัจจัยและกลยุทธ์ : วันนี้จับตาผลวินิจฉัยสถานภาพนายกฯและครม.ของศาลรัฐธรรมนูญกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อทิศทางการเมืองไทยและอาจทำให้เห็นภาพของจุดยุติว่าน่าจะเป็นไปในรูปแบบไหน สำหรับกรณีที่แย่ คือ ปัญหาการเมืองยืดเยื้อต่อไปโดยไม่เห็นทีท่าว่าจะจบลงได้ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจต่อใน 2H57 (จากที่มีโอกาสเริ่มฟื้นตัวถ้าปัญหาคลี่คลายลงก่อนกลางปี 57) และอาจทำให้EPS Growth ของตลาดหุ้นไทยลดลงจากประมาณการปัจจุบัน โดยของ DBSV อยู่ที่ 9% สำหรับปี 57 และ 13% สำหรับปี 58 สำหรับปัจจัยภายนอกนั้นค่อนไปทาง Neutral โดยเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซนมีแนวโน้มดีขึ้นใน 2Q57 แต่ถูกชดเชยด้วยเศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นที่อาจเติบโตชะลอตัวลง กลยุทธ์ :เน้นการเลือกซื้อ/ถือตามค่าบวก โดยเน้นไปยังหุ้นพื้นฐานมั่นคง ฟื้นตัวเร็ว และมีปันผล หุ้นพื้นฐานที่แนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น MODERN

Fundamental Pick
MODERN แนะนำซื้อปิด 9.30 บาท ราคาพื้นฐาน 10.55 บาท
        • MODERN ขายหุ้น MFEC ให้กับบริษัท TIS INC. ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 61.98 ล้านหุ้นหรือ 14.07% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว เป็นเงิน 663.22 ล้านบาท หรือราคาหุ้นละ10.70 บาท โดยภายหลังการขาย MODERN จะเหลือถือ MFEC อยู่ 2.41% เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการขายหุ้นประมาณ 290 ล้านบาท และได้รับเงินสดเข้ามาอีก 663 ล้านบาทเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ลงทุนในกิจการอื่นๆ และอาจจ่ายปันผลพิเศษ ซึ่งประเมินไว้ที่ 0.20 บาท/หุ้น บวกกับปันผลปกติของปีนี้คาดไว้ที่ 0.55 บาท จะเป็น 0.75 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 8% สำหรับผลประกอบการปกติของปี 57 คาดว่าจะไปได้ดี แต่การเติบโตของกำไรปกติจะไม่มาก เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มที่พักอาศัยยังรับมอบงานล่าช้าแต่ธุรกิจยังมีความมั่นคงมากฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเป็นเงินสดสุทธิ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 10.55 บาท

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
-/• เศรษฐกิจโลก : OECD ปรับคาดการณ์Global GDP Growth ปีนี้เป็น 3.4% จากเดิม3.6% เพราะเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ขยายตัวชะลอลง
-/• องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ได้ปรับลดการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกลงเหลือ 3.4% ในปี 57 จากเดิมที่ 3.6% เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน และตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ชะลอตัวลง โดยการคาดการณ์เศรษฐกิจประเทศสำคัญสรุปได้ดังนี้
# คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7.4% ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 8.2% เพราะภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามแผนปฏิรูปโครงสร้างของรัฐบาล
# ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐในปี 57 ลงเหลือ 2.6% จากเดิม 2.9%เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นมากกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจใน 1Q57 ส่วนปี 58คาดว่าจะเติบโต 3.5% ดีขึ้นจากเดิมที่ 3.4% โดยเป็นผลจากอุปสงค์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น การลงทุนภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทาง OECD แนะนำให้สหรัฐยุติ QE ภายในปีนี้และเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 58
# เสนอให้ธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนที่ต่ำมากหนุนให้ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายได้ต่อไป ทาง OECD ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนปี 57 เป็นเติบโต 1.2% จากเดิม 1.0% ส่วนปี 58 ปรับขึ้นเป็น 1.7% จากเดิม 1.6%
# สำหรับญี่ปุ่น ทาง OECD เห็นว่าเศรษฐกิจน่าจะเติบโตชะลอลงเป็น 1.2% ในปีนี้ ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 1.5% โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต้องสมดุลด้วยการปรับขึ้นค่าจ้างเศรษฐกิจจึงจะขยายตัวได้

+ สหรัฐ : ส่งออกเดือนมี.ค.ขยายตัวดีขึ้นนำเข้าเติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี
+ ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐลดลง 3.6% สู่ระดับ 4.04 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.57 จาก4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. โดยยอดส่งออกขยายตัว 2.1% แตะที่ 1.939 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.56 ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.1% แตะที่ 2.343แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยส่วนหนึ่งมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม

- ยูเครน : สหรัฐ & เยอรมนีจะโหวตคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม 25 พ.ค.นี้
- สหรัฐและเยอรมนีได้กดดันรัสเซียเพิ่มเติมด้วยการกำหนดให้วันที่ 25 พ.ค.57 เป็นวันที่จะต้องมีการโหวตว่าจะมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอีกหรือไม่ หากรัสเซียไม่ยอมยุติการให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน

- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงจากแรงขายทำกำไร
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,401.02 จุด ร่วงลง 129.53 จุด หรือ -0.78% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,080.76 จุด ลดลง 57.30 จุด หรือ -1.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,867.72 จุดลดลง 16.94 จุด หรือ -0.90% โดยหลักมาจากแรงขายทำกำไร และมีความกังวลกับสถานการณ์ในยูเครนที่ยังคงรุนแรง

• สัญญาน้ำมันดิบแกว่งแคบ
• สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ขยับขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 99.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 66 เซนต์ ปิดที่ 107.06 ดอลลาร์/บาร์เรล นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐอาจจะลดลงราว 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน

• สัญญาทองคำ COMEX ทรงตัว
• สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 70 เซนต์หรือ 0.05% ปิดที่ 1308.6 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนกำลังจับตาสถานการณ์ในยูเครน

ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• การเมือง : จับตาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับสถานะนายกฯและครม.วันนี้ เวลา 12.00 น.
• ศาลรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นการไต่สวนและนัดฟังคำวินิจฉัยคดีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ในวันนี้ (17 พ.ค.57) เวลา 12.00 น. โดยแนวทางที่อาจจะเกิดขึ้นได้ คือ 1. นายกฯและครม.ไม่มีความผิด เดินหน้ารักษาการต่อไป, 2. นายกฯ มีความผิดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ครม.ยังเดินหน้าต่อไปได้ กรณีนี้ก็แต่งตั้งรองนายกฯขึ้นมาทำหน้าที่นายกฯแทน, 3. นายกฯและรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว และ 4. นายกฯและรัฐมนตรีสิ้นสภาพทั้งคณะ สำหรับกรณีที่ 3 จะต้องดูว่ารัฐมนตรีเหลือกี่คน ถ้าน้อยมากก็อาจมีการยุบแล้วตั้งรัฐบาลใหม่ ส่วนกรณีที่ 4 ต้องตั้งรัฐบาลใหม่อย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมาจากไหน โดยมีข้อเสนอหลายแนวทาง เช่น ตั้งรัฐบาลผสมจากหลายๆพรรค, ตั้งรัฐบาลคนกลางที่มาจากทุกภาคส่วน, ตั้งรัฐบาลโดยให้ปลัดกระทรวงเป็นรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงโดยเลือกปลัดฯคนใดคนหนึ่งขึ้นมาเป็นนายกฯ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป ทางด้านรัฐบาลก็เตรียมประชุมครม.นัดพิเศษวันนี้ (7พ.ค.) เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง 20 ก.ค.นี้ ปัจจัยจับตาต่อ คือ ป.ป.ช.จะชี้มูลคดีทุจริตรับจำนำข้าวนายกรัฐมนตรีหรือไม่

• การเมือง : กลุ่มกปปส.และนปช.นัดชุมนุมใหญ่
      • ทางกลุ่มกปปส.มีนัดเคลื่อนไหววันนี้ (7 พ.ค.57) โดยจะเคลื่อนมวลชนในเส้นสาธุประดิษฐ์ถนนจันทน์ สีลม สวนลุมพินี และนัดชุมนุมใหญ่ 13-14 พ.ค.57 ส่วนกลุ่มนปช.นัดชุมนุมใหญ่10 พ.ค.57 บริเวณถนนอักษะ
+ KCE : กำไรสุทธิ 1Q57 เติบโตก้าวกระโดด62%YoY ดีกว่าที่ DBSV คาดการณ์ไว้ 4%แนวโน้มยังไปได้ดี ... การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะซื้อลงทุน
       + ผู้บริหาร KCE เปิดเผยว่าใน 1Q57 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 2,765 ล้านบาท (+38%YoY)กำไรจากการดำเนินงาน 411 ล้านบาท (+168%YoY) และกำไรสุทธิ 439 ล้านบาท (+62%YoY) โดยรายได้ใน 1Q57 เป็นสถิติสูงสุดใหม่ ปัจจัยหนุน คือ อุปสงค์ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะจากกลุ่มยานยนต์ การใช้กำลังการผลิตเต็มที่ทำให้ต้นทุนคงที่ต่อหน่วยต่ำลง และควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 31.5% ใน 1Q57 จาก 28.9% ใน4Q56 และ 22.2% ใน 1Q56
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : กำไรสุทธิ 1Q57 ออกมาดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯ DBSVประมาณการไว้ 4% แนวโน้มยังไปได้ดี โดยได้รับผลดีจากวัฏจักรธุรกิจขาขึ้น การฟื้นตัวที่ดีของธุรกิจยานยนต์ในยุโรปทำให้มีอุปสงค์เข้ามามากขึ้น การขยายกำลังการผลิตใหม่เฟส 1 ที่ลาดกระบังคาดว่าจะเริ่มได้ 4Q57 ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้และกำไรต่อในปี 58 ทางDBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 57-58 ของ KCE จะเติบโต 15% และ 16% ตามลำดับ การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะซื้อลงทุน ราคาพื้นฐาน DBSV เท่ากับ 39 บาท ทั้งนี้คาดว่า KCEจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศจำกัด เพราะเน้นการส่งออกรวมทั้งได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะยุโรปซึ่งเป็นลูกค้าหลัก
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!