WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“ซื้อใหม่/ถือต่อเมื่อ SET ไม่หลุด 1475”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
     • ภาพตลาดวันก่อน : ดัชนีปรับขึ้นต่อ 6.06 จุด มาปิดที่ 1491.81 มูลค่าซื้อขายเพิ่มเป็นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท กลุ่มที่นำตลาด คือ ธนาคารพาณิชย์,วัสดุก่อสร้าง (SCC, TASCO), รับเหมาก่อสร้าง, ที่พักอาศัย รวมทั้งมีการเลือกซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กกระจายไปตามกลุ่มต่างๆ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 558 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 839 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน ส่วนรายย่อยขายสุทธิ

      • ปัจจัยและกลยุทธ์ : # ปัจจัยต่างประเทศที่จับตา คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.57 ของสหรัฐ ซึ่งตลาดประเมินภาพไว้ในทางบวก หลังADP รายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 281,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.57 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 205,000 ตำแหน่ง และการใช้นโยบายเพิ่มเติมของยูโรโซน โดยตลาดประเมินว่าน่าจะออกมาตรการ QE มาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อ
# เราได้ Scan หาหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งธุรกิจกำลังจะ Turnaround หรือมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ที่ราคาซื้อขายยังต่ำกว่า BVS ซึ่งพบว่ามีหลายบริษัทที่น่าสนใจ ได้แก่ TPIPL, MK, TCB, LALIN, BLAND, TCAP, BTSGIF และ AH (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน) อย่างไรก็ตาม หุ้นบางตัวใน Theme นี้อาจมีข้อจำกัดเรื่องสภาพคล่อง ในการซื้อขายที่ไม่มาก
     # ปัจจัยที่ติดตามต่อเนื่อง คือ ความคืบหน้าของการปฎิรูปในภาคส่วนต่างๆของคสช. ได้แก่ การปฏิรูปพลังงานและโครงสร้างบริษัท PTT, การเปิดประมูล 4G, การแจกคูปองทีวีดิจิตอล, การเปิดประมูลรถไฟทางคู่มูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท, การเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้า ฯลฯ เป็นต้น, ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศชั้นนำต่างๆ และสถานการณ์การเมืองภายนอก (เช่น อิรัก, ยูเครน เป็นต้น)
# กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1475 จุด มีแนวเด้ง 1470, 1450-1440 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1500, 1520 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนระยะยาววันนี้เป็น SVI

Fundamental Pick
SVI แนะนำซื้อปิด 4.48 บาท ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท
• คาดว่ายอดขาย 2Q57 จะดีขึ้นเป็น 73 ล้านUS$ เทียบกับ YoY และ QoQ ที่ 58 และ 64 ล้านUS$ ตามลำดับ และได้ค่าเคลมประกันเข้ามาอีก 100 ล้านบาทใกลักับ 1Q57 ทำให้กำไรสุทธิ2Q57 จะเติบโต 56%YoY และ 13%QoQ เป็น 212 ล้านบาท บริษัทได้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มยานยนต์ 2 ราย โดยจะมียอดขายสูงถึงรายละ 100 ล้านUS$/ปี และจะมีการเข้าซื้อกิจการ (สรุปใน3Q57) แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 4.90 บาท โดยคาดว่ากำไรหลักปีนี้และปีหน้าเพิ่มก้าวกระโดดเทียบ y-o-y เป็น 36% และ 34% ตามลำดับ คาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 4% ด้านฐานะการเงินดีมาก เป็นเงินสดสุทธิ

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+/- สหรัฐ : การจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแกร่ง แต่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานพ.ค.อ่อนลง จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรมิ.ย.57
+ ออโตเมติค ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่าภาคเอกชนของสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 281,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.57 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภาคเอกชนทั่วสหรัฐจะจ้างงานเพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่ง และสูงกว่าเดือนพ.ค.ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่ง
- แต่...ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.5% ในเดือนพ.ค.57 อันเนื่องมาจากการปรับตัวลงของอุปสงคด้านยุทธปัจจัยทางทหาร
• จับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 211,000 ราย และอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 6.3%

• ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวกรอบแคบ
      • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,976.24 จุด เพิ่มขึ้น 20.17 จุด หรือ +0.12% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,457.73 จุด ลดลง 0.92 จุด หรือ -0.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,974.62 จุดเพิ่มขึ้น 1.30 จุด หรือ +0.07% นักลงทุนรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ

- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลง
     - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 86 เซนต์ ปิดที่ 104.48 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.05 ดอลลาร์ปิดที่ 111.24 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีรายงานว่า ท่าเรือเอส ซีเดอร์ และท่าเรือราส ลานุฟซึ่งเป็นท่าขนส่งน้ำมันดิบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของลิเบีย สามารถเปิดดำเนินการเพื่อรองรับการเทียบท่าของเรือขนส่งน้ำมันดิบได้แล้วในขณะนี้ แต่ราคาน้ำมันดไม่ได้ร่วงแรงเพราะ EIAเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 มิ.ย. ลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล แตะที่384.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลง 2.4 ล้านบาร์เรล

+ สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้นต่อ
     + นักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยก่อนที่จะถึงวันหยุดยาวในสหรัฐ (ตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ปิดทำการในวันที่ 4 ก.ค. เนื่องจากเป็นวันชาติสหรัฐ) ปิดตลาดเมื่อคืนนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ +0.32% ที่ 1,330.9 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
     • หุ้นพื้นฐาน+มี Catalyst+ราคาต่ำกว่า BVSที่น่าสนใจ คือ TPIPL, MK, TCB, LALIN,BLAND, TCAP, BTSGIF และ AH
     • เราได้ Scan หาหุ้นในตลาดฯที่มีแนวโน้มธุรกิจฟื้นตัว และจะเติบโตได้ดีขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (Book Value) ซึ่งพบว่าหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ TPIPL, MK, TCB, LALIN, BLAND, TCAP, BTSGIF และ AH

• สรุป Theme การลงทุนรายบริษัท เป็นดังนี้
    # TPIPL – ณ สิ้นมี.ค.57 มี BVS เท่ากับ 28.8 บาท ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV 0.4 เท่าขณะที่คาดว่าปริมาณขายซีเมนต์มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วง 2H57 และปี 58 เป็นต้นไป เนื่องจากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่ฟื้นตัว ทำ ให้ภาคก่อสร้างเติบโตดีตามไปด้วย ขณะที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีก็กลับเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นตามเศรษฐกิจโลก

# MK – เป็นบริษัทที่พักอาศัยที่ดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง แม้ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 28%เพราะโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้น้อย แต่จะขยายตัวได้ดีขึ้นในปี 58 ประมาณการไว้ที่ 8% ณ สิ้นมี.ค.57 มี BVS เท่ากับ 6.18 บาท ขณะนี้ซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.6 เท่า คาดการณ์ DividendYield ปีนี้ที่ 5% และปี 58 เท่ากับ 6%

# TCB – เป็นผู้ผลิต Carbon black ที่เป็นส่วนผสมในยางรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวและเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นไปตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV 0.7 เท่า โดยสิ้นมี.ค.57 มีมูลค่าหุ้นทางบัญชี (BVS) เท่ากับ 37.98 บาท

# LALIN – บริษัทเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยสามารถทำรายได้ 1Q57 สูงสุดในรอบ 8 ปีและยอดขาย 5 เดือนแรกปีนี้เป็นสัดส่วน 34% เทียบกับเป้าทั้งปีที่ 3.2 พันล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 27% การผลิตมีประสิทธิภาพสูงทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 38-40%มาโดยตลอด คาดกำไรปีนี้ขยายตัวแกร่ง 16% ณ สิ้นมี.ค.57 มี BVS เท่ากับ 5.36 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV ต่ำเพียง 0.7 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 7% และปี 58 เท่ากับ7.2%

# BLAND – ปัจจัยที่เป็น Catalyst ของบริษัท คือ การขายอิมแพคเข้า REIT และการที่บริษัทมีที่ดินต้นทุนต่ำหลายแปลง ซึ่งเมื่อนำมาพัฒนาจะสร้างมูลค่าเพิ่มหรือกำไรได้อีกมาก ณ สิ้นมี.ค.57 มี BVS อยู่ที่ 2.32 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV 0.8 เท่า

# TCAP – คาดว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเติบโตได้ดีขึ้นในปี 58 ส่วนใน 2H57 ปัจจัยกระตุ้นคือ การฟื้นตัวของสินเชื่อประเภทอื่นๆ ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ เราประมาณการว่ากำไรสุทธิของธนาคารจะเติบโตได้ 25% ในปี 58 นับว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สิ้นมี.ค.57 มีBVS เท่ากับ 40.56 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV 0.9 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ปี57-58 เท่ากับ 4% และ 4.5% ตามลำดับ

# BTSGIF - กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ลงทุนในรายได้สุทธิจากการดำเนินงานรถไฟฟ้า(Net Fare Box Revenue) ของเส้นทางเดินรถสายหลักของ BTS (23.5 กม, 23 สถานี) การเติบโตมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารและการปรับเพิ่มอัตราค่าโดยสาร ณ สิ้นมี.ค.57มี BVS เท่ากับ 11.25 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV 0.9 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 6% และปี 58 เท่ากับ 6.5%

# AH – คาดว่าธุรกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดของรอบนี้ไปแล้วใน 2Q57 และจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2H57ประเมินว่ากำไรสุทธิปี 58 จะเติบโตได้ 15-20% จากที่อ่อนลงในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับบริษัทเร่งเพิ่มรายได้ในฐานลูกค้าเดิมและหาลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่ม ณ สิ้นมี.ค.57 มี BVS เท่ากับ 16.83 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV 0.98 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.4 เท่า

+ ขยายระยะเวลาคง VAT ที่ 7%, อัตราภาษีบุคคธรรมดา 7 ขั้น และอัตราภาษีรายได้นิติบุคคล 20% ออกไปอีก 1 ปี คือ ไปสิ้นสุด 31ธ.ค.58
+ ที่ประชุมคสช.อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) 7% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 30 ก.ย.58 จากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.57 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และลดภาระค่าครองชีพ รวมทั้งขยายระยะเวลาปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่คิดอัตราเป็น 7 ขั้น ในอัตราร้อยละ 5, 10, 15, 20, 25, 30 และ 35ออกไปอีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.58 เพื่อให้เกิดความสมดุลและเป็นธรรม นอกจากนั้นยังขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลมาที่ร้อยละ 20 ออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.58 เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจภาคเอกชนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

- AMATA : ยอดขายที่ดินและยอดโอนอ่อนแอใน 2Q57 แต่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นใน2H57 ... ให้ราคาพื้นฐาน 19.30 บาท ซึ่งมีส่วนลด 10% จาก NAV
• นักวิเคราะห์ของฝ่ายวิจัยฯ DBSV ได้คุยกับผู้บริหาร AMATA พบว่า ผลประกอบการ 2Q57จะลดลงมาก เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์รับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ต่ำกว่า 100 ไร่ เทียบกับ 616ไร่ใน 1Q57 และ 477 ไร่ใน 2Q56 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เพราะมีการโอนที่ดินของอมตะนครซึ่งมีมาร์จิ้นสูงประมาณ 80% ของจำนวนที่ดินที่โอนทั้งหมด ส่วนอีก 20% เป็นการโอนที่ดินในนิคมอมตซิตี้ ส่วนที่ดินร่วมทุนระหว่างบริษัทกับจีนไม่มีการโอนในไตรมาสนี้
• ยอดขายที่ดินใน 2Q57 ต่ำลงเป็น 70 ไร่ จาก 118 ไร่ใน 1Q57 และ 315 ไร่ใน 2Q56 แต่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นใน 2H57 เพราะมีลูกค้ารายใหญ่จะสรุปดีลซื้อที่ดิน หลังบอร์ด BOI เริ่มดำเนินงานและทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนดีขึ้น
• เรามีแนวโน้มจะลดประมาณการกำไรเพราะยอดขายและยอดโอนที่ดินต่ำกว่าคาดการณ์เดิมโดยปัจจุบันให้ราคาพื้นฐาน AMATA ไว้ที่ 19.30 บาท มีส่วนลดจาก NAV อยู่ 10%
• ปัจจัยที่เป็น Catalyst คือ การนำ AMATA VN เข้าจดทะเบียนในตลาดฯใน 4Q57 และการขายโรงงาน 88 แห่งเข้า REIT ซึ่งจะจัดตั้งกองทุนใน 4Q57 ทั้งนี้เรายังไม่ได้รวมสองเรื่องนี้ไว้คาดการณ์กำไรสุทธิ

• SAMART เข้าซื้อ SIM เพิ่มอีก 23.93% เป็น74.11% …ยังแนะนำซื้อ SAMART และการอ่อนตัวของราคาเป็นจังหวะซื้อ SIM
• SAMART ได้ลงนามในสัญญาการซื้อหุ้นสามัญใน SIM จำนวน 1,053 ล้านหุ้น (หรือคิดเป็น23.93% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของ SIM) คืนจากบริษัท Axiata Group Berhad(AXIATA หรือเดิม คือ เทเลคอมมาเลเซีย) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SIM ในราคาหุ้นละ 2.73บาท เมื่อ 2 ก.ค.57 โดยรายการจะดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เสร็จภายใน 30 วันนับตั้งแต่ลงนามในสัญญา หลังดำเนินการแล้วเสร็จ SAMART จะถือหุ้นใน SIM 74.11%

• ความเห็น Retail Research DBSV : นับเป็นบวกกับ SAMART ที่จะรับรู้กำไรจาก SIMมากขึ้นตั้งแต่กลาง 3Q57 เป็นต้นไป เพราะสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 50.18% เป็น74.11% และนักวิเคราะห์คาดว่า SIM จะมีกำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่งราว 20% ในปีนี้ และเติบโตต่อประมาณ 10% ในปีหน้า ส่วนการดำเนินธุรกิจของ SIM คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนำซื้อ SAMART ราคาเป้าหมาย 27.5บาท สำหรับ SIM ระยะสั้นราคาหุ้นอาจถูกกระทบจากการที่ราคาซื้อขายระหว่าง SAMART กับAXIATA ที่ 2.73 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาด 13.6% อย่างไรก็ตาม ราคาตามปัจจัยพื้นฐานของSIM อยู่ที่ 4.05 บาท ดังนั้นถ้าราคาหุ้นปรับลดลงมาก็เป็นโอกาสซื้อ

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!