WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET ยังขึ้นได้จำกัดและมีสิทธิพักฐานลงต่อ ดังนั้นรอซื้อลบดีกว่า...

    กลยุทธ์ : SET ดีดตัวกลับหลังปรับตัวลงแรงวันก่อน แต่ก็ยังมีแรงขายกดดันและวิ่งขึ้นได้ในกรอบจำกัด ทำให้ SET ยังมีสิทธิอยู่ในช่วงแกว่งตัวเพื่อปรับพักฐานต่อเนื่องได้ ก่อนที่จะไปลุ้นกลับมาแกว่งบวกขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งในช่วงถัดไป ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อเพื่อถือต่อเนื่องในช่วงตลาดอ่อนตัวดีกว่าอยู่
    หุ้นเด่นทางเทคนิค : CK, NWR, BH(buy back)
    แนวโน้ม : SET พลิกกลับขึ้นมาแกว่งตัวด้านบวกอีกครั้ง หลังวันก่อนปรับตัวลงแรงพอควร เนื่องจากนักลงทุนผ่อนคลายความวิตกเกี่ยวกับการย้ายฐานลงทุนของเทมาเส็คลงบ้าง เพราะคาดว่าถ้าเทมาเส็คจะลดการลงทุนในเอเชียจริง ก็คงมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่การพิจารณาเรื่องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของ คสช. ก็น่าจะเลื่อนออกไปไม่นานมากนัก รวมทั้งการที่นักลงทุนต่างประเทศในไทยยังคงมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องในวันก่อนและสนับสนุนความมั่นใจมากขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าค่อนข้างเร็วในระยะนี้อีก อย่างไรก็ตาม SET ดีดกลับขึ้นมายังค่อนข้างมีกรอบขึ้นจำกัดและมีแรงขายทำกำไรกดดันให้เห็นต่อเนื่อง และวานนี้นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามียอดขายสุทธิหนาตามากขึ้นอีกครั้งในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะอ่อนตัวกลับด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะปรับพักตัวลงต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อในช่วง SET แกว่งตัวลงดีกว่า
    แนวรับ 1538-1535 , 1530-1526 จุด แนวต้าน 1543-1545 , 1550-1555 จุด
     Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องแต่ปริมาณเบาบาง ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการ โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$73.1 ล้าน อินโดนีเซีย US$44 ล้าน และเวียดนาม US$0.7 ล้าน ขณะที่ขายในตลาดหุ้นไทย US$24 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$9 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
    (+) ยอดผลิตรถเดือน มิ.ย. มีสัญญาณดีขึ้น เพิ่ม 17% M-M ดีขึ้นทั้งยอดขายในประเทศและส่งออก แต่ลดลง 26% Y-Y เพราะปีก่อนมีโครงการรถคันแรก รวมยอดผลิตรถใน 6M14 -29% Y-Y เราคาดกำไร 2Q14 ของกลุ่มยานยนต์จะลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y และเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ก่อนจะฟื้นใน 2H14 ประเด็นนี้น่าจะยังกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น การซื้อควรเป็นลักษณะทยอยซื้อ Top pick คือ FPI (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 13 บาท) เพราะ 2Q14 น่าจะดีกว่ากลุ่ม รายได้หลักของ FPI อยู่ที่ตลาดอะไหล่ทดแทน ฐานลูกค้ากว่า 85% อยู่ในต่างประเทศ จึงได้รับผลกระทบจากโครงการรถคันแรกน้อยกว่ารายอื่น
     (+) วันนี้กสทช.จะสรุปราคาคูปองซื้อ Set top box หลังจากคสช.สั่งให้ชะลอและให้ไปทำ Public hearing มาก่อน ราคาหุ้น SAMART ที่ปรับขึ้นกว่า 4% วานนี้มาจากการเก็งกำไรรับข่าวความคืบหน้าของการแจกคูปอง เราคาดว่ารายได้จากการขายเครื่อง Set top box จะมีสัดส่วน 4-6% ของรายได้รวมในปีนี้ ขณะที่กำไรใน 2Q14 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องตามทิศทางเดียวกับ SIM เรายังคงแนะนำซื้อ SAMART ราคาเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 25.50 บาท
    (0) ITD ราคาถ่านหินปัจจุบันที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 7 ปีและคาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปใน 2-3 ปีข้างหน้า อาจกระทบโครงการรถไฟและท่าเรือขนาดใหญ่ในโมแซมบิค ที่ ITD ประมูลงานได้และเซ็นสัญญาแล้ว (มูลค่างานสูงถึง 1.2 แสนล้านบาท) ตั้งเป้าก่อสร้าง 4 ปี เปิดใช้งานได้ในปี 2018 อาจต้องล่าช้าออกไป ซึ่งจะทำให้ ITD รับรู้รายได้ไม่ทันในปี 2015 แต่เราไม่ได้รวมโครงการนี้ไว้ในประมาณการ ถ้าไม่รวมโครงการนี้ Backlog ที่มีอยู่ 9 หมื่นล้านบาท เพียงพอที่จะรับรู้เป็นรายได้ใน 2 ปีข้างหน้า ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าปี 2015 ที่ 5.50 บาทแล้ว หุ้นในกลุ่มรับเหมาขณะนี้เราชอบหุ้นที่ราคา laggard คือ STEC (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 27.50 บาท)
    (0) DELTA แนวโน้มกำไรปกติใน 2Q14 น่าจะลดลง 9% Q-Q และ 13% Y-Y ดีกว่าที่เคยคาด เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 67 บาท แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว เพราะ upside เริ่มจำกัด หุ้นในกลุ่มนี้ เราชอบ KCE (เป้าหมายปี 2015 ที่ 48 บาท) มากกว่า
    (-) IRPC แนวโน้มกำไรใน 2Q14 น่าผิดหวัง แม้ว่าจะพลิกจากขาดทุนใน 2Q13 เป็นกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท แต่ยังลดลง 27% Q-Q แต่กว่าศักยภาพที่ควรทำได้ไตรมาสละเป็นหลักพันล้านบาท เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าบริษัทอื่น จนกว่าการปรับปรุงคุณภาพการผลิตในโครงการ Phoenix แล้วเสร็จ จึงจะสามารถแข่งขันได้ เรามีแนวโน้มปรับกำไรลงหลังประกาศงบฯ 5 ส.ค. แต่อย่างน้อยราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่า Book value ที่ 3.70 บาท ไม่แพง หากมีหุ้นอยู่ แนะนำถือต่อ เป้าหมายปีนี้ที่ 4.50 บาทอยู่ระหว่างทบทวน
   (0) CPF ขอขึ้น H รอบเช้าวันนี้ และหุ้นของบ.ลูก CPP (43 HK) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดฯฮ่องกงขึ้น SP เช่นกัน เราคิดว่าเป็นไปได้ที่ CPF จะขาย CPP ตามแผนที่จะลดสัดส่วนให้เหลือประมาณ 51% จากปัจจุบัน 74% เพื่อทำให้ D/E ดีขึ้น หากเทียบราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วันของ CPP ที่ HK$0.96 CPF อาจมีกำไรจากการขายประมาณ 1.3 พันล้านบาท ทำให้กำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 18% และ D/E ลดลงเป็น 1.4 เท่าจาก 1.42 เท่า แต่ไม่มีผลต่อราคาเป้าหมายของเราที่ 33 บาทที่ประเมินจากกำไรปกติ ยังคงแนะนำซื้อ

     ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดลบเมื่อคืนนี้ หลังจากกองทุน IMF ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐลง รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนและฉนวนกาซายังคงกดดันความมั่นใจของนักลงทุนอยู่
      ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดบวกต่อได้เล็กน้อย เพราะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทบางแห่งออกมาดี แต่ก็ยังมีลักษณะแกว่งผันผวนจากข่าวเครื่องบินยูเครน 2 ลำถูกยิงตก
     ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้แม้ว่าจะเปิดบวกได้เป็นส่วนใหญ่ แต่กรอบขึ้นก็ยังค่อนข้างแคบอยู่
     ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวเล็กน้อย หลังช่วงหลายวันที่ผ่านมาแข็งค่าค่อนข้างเร็วถึงกว่า 1% โดยล่าสุดมาแกว่งตัวในกรอบ 31.75-31.82 บาท/ดอลลาร์
     ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.73 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 103.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก EIA ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่าคาด บ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
    ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ยังปรับตัวลงอีก 1.6 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,304.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!