WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

Sideway
Highlight
     ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดลบเล็กน้อย หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทรงตัว นักลงทุนจับตาการประชุมอีซีบีวันนี้ ส่วนตลาดยุโรปปิดลบจากรายงานจีดีพีอิตาลีอ่อนแอ และกังวลวิกฤตยูเครน
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ ผลประชุมธนาคารกลางยุโรป อังกฤษ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.15% 0.5%ตามลำดับ USA: Consumer credits มิ.ย. คาด $18bn.(Vs $19.6bn.) Germany: Industrial Production มิ.ย. คาด +1.3%m-m(Vs -1.8%)
      + วันทำการก่อนหน้า ต่างชาติกลับมาซื้อ +1.05 พันลบ. (จากวันก่อนขาย -843 ลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาขาย -439 ลบ. (จากซื้อสะสม 2 วันรวม +3.76 พันลบ.)
+ การเมือง คาดประชุมสภาครั้งแรก 8 ส.ค. เลือกประธานสภา และรองประธานสภา ก่อนประชุมสัปดาห์ต่อๆ ไป เลือกนายกฯ และพิจารณา งบประมาณฯ ปี 58
คาดดัชนีฯ วันนี้ sideway ในกรอบ 1515-1530 จุด โดยความกังวลเรื่องความขัดแย้งยูเครนยังกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่คาดตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่ายุโรป จากเงินทุนที่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ วันนี้นักลงทุนจับตาการประชุมอีซีบีว่าจะส่งสัญญานกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังอิตาลีเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
      กลยุทธ์: เราแนะนำ ขึ้นทยอยขาย (คาดไม่ผ่านแนวต้านเดิม 1543 จุด) เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ 1500-1505 จุด หุ้นเด่นแนะนำ KBANK SCB INTUCH SIRI QH AP CPALL SCC AAV CENTEL และกลุ่ม Cyclical Play หุ้นเด่นแนะนำ PTT IVL IRPC PSL

หุ้นในกระแส:
หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 4.0%) ได้แก่ ADAM RCL IFEC BH TAE SUPER หุ้นที่ลงกว่า 4.0% ได้แก่ AJD JAS RPC CSS SSI AMATA SUTHA ICHI
NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ BBL+221 KBANK+212 LH+193 ADVANC+172 สูงสุดด้านขาย ได้แก่ JAS-281 SCC-178 CPN-173
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ TRUE 193 JAS 185 PTT 43

Market Outlook
คาดดัชนีฯ วันนี้ sideway ในกรอบ 1515-1530 จุด กังวลวิกฤตยูเครน และเศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอ วันนี้ลุ้นการประชุมอีซีบีส่งสัญญานกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะขึ้นขาย – ลงซื้อ หุ้นพื้นฐานดี มีปันผล

      คาดดัชนีฯ วันนี้ sideway ในกรอบ 1515-1530 จุด แรงกดดันมาจากวิกฤตยูเครนที่เริ่มบานปลาย หลังรัสเซียมีมตรการตอบโต้ และตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาด อย่างไรก็ดี ได้เพิ่มความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากอีซีบี ซึ่งมีการประชุมวันนี้ ด้านปัจจัยในประเทศ ค่าเงินบาทยังคงผันผวน และแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติชะลอลง แต่ยังมีการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติในสัญญา Futures ส่วนการออก Trigger Fund คาดช่วยเสริมเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดในเดือนนี้ ส่วนเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญานการฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของคสช. จะช่วยหนุนการใช้จ่ายภาคเอกชนในระยะต่อไป (ส่งผลดีหุ้นอุปโภค บริโภค Top pick CPALL) กลยุทธ์ แนะนำ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ใช้กลยุทธ์ ขึ้นทยอยขาย เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ หุ้นพื้นฐานดี หุ้นปันผล (ดูชื่อหุ้น ข้างล่าง)

       ปัจจัยในประเทศ – โดยรวมยังเป็นบวก แม้แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติช่วงนี้ไม่ต่อเนื่องเหมือนในเดือน ก.ค. จากทิศทางค่าเงินที่ผันผวนตามการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เรายังเห็นการซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติในสัญญา Futures ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 (+697 และ +3805 สัญญา ตามลำดับ) ประกอบกับ ทิศทางเงินทุนที่ย้ายออกจากตลาดหุ้นยุโรปมาสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ทำให้ประเมิน downside ของดัชนีฯ รอบนี้จำกัด (แนะทยอยซื้อคืนเมื่ออ่อนตัว) โดยวานนี้มีข่าวมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจากคสช.วงเงินราว 5.5 หมื่นล้านบาท ประกอบกับการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ที่คาดจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน (ส่งผลบวกหุ้นค้าปลีก เราแนะนำ CPALL)

      วันที่ 8 ส.ค. คาดประชุมสภาสนช.200 คน นัดแรกเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาเพื่อนำทูลเกล้าถวายฯ ก่อนที่สัปดาห์ต่อๆไป จะเริ่มประชุม วาระสำคัญคือ พิจารณาบุคคลดำรงตำแหน่งนายกฯ และพรบ.ร่างงบประมาณปี 58 (รายชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งคณะรัฐบาลและนายกฯ จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหากเป็นไปตามคาดการณ์ล่วงหน้าของสื่อหลายแห่ง แต่จะเป็นผลบวกต่อ การใช้จ่ายงบฯ ปี 58 ที่สามารถเบิกจ่ายใช้เงินได้ทันที +กลุ่มอิงนโยบายรัฐ เช่น รับเหมาก่อสร้าง ฯลฯ) ปัจจัยต่างประเทศ – ยังเป็นลบ
แรงกดดันจากเรื่องเดิม คือความขัดแย้งยูเครน ที่เริ่มบานปลาย หลังรัสเซียมีมาตรการตอบโต้ โดยงดการนำเข้าอาหารจากสหรัฐฯ และชาติที่มีมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียก่อนหน้านี้ ขณะที่มีความกังวลมากขึ้นว่ารัสเซียอาจใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงยูเครน หลังเพิ่มกำลังบริเวณชายแดน
เศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอกว่าคาด โดยวานนี้อิตาลีประกาศจีดีพีไตรมาส 2/57 ออกมาติดลบ 0.2%QoQ จากที่ไตรมาส 1/57 ติดลบ 0.1% ส่งผลให้เข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลค่าเงินยูโรอ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือนเทียบกับดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ปัจจัยนี้ ช่วยเพิ่มความคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากอีซีบีที่จะมีการประชุมในวันนี้

Investment Theme สำหรับการลงทุนระยะ 1-2 สัปดาห์ แนะนำ ขึ้นขาย ลงซื้อ
1) หุ้นปันผลสูงมากกว่า 5% ปีนี้ แนะนำ SAMTEL MODERN TISCO BCP และสะสมเมื่ออ่อนตัว ADVANC DTAC BTS TTW LPN SPALI (ความเสี่ยงขาลงมีจำกัด)
2) หุ้น High Growth ปีนี้ ที่ยังคงมี % Upside สูงกว่า 20% แนะนำ PSL BCP THCOM TTCL KBANK SCB SINGER BECL
3) หุ้นเก็งกำไร Earnings Play: เก็งกำไรหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะรายงานกำไร 2Q57F เติบโตสูง อาทิ CSS IVL GOLD ANAN JUBILE MINT SVI

ประเด็นจับตา
1. ประเด็นการเมือง: ศุกร์นี้ ประชุมสภานัดแรก
ประเด็นการเมือง (Update):
เ ปิด แ ค น ดิเ ด ต ชิง 'ป ร ะ ธ า น ส น ช . ' บุค ค ล ที่ป ร า ก ฏ ชื่อ แ ล ะ เ ป็น แ ค น ดิเ ด ต สำ คัญ ว่าน่าจะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิก มีอยู่ 2 คน คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตผู้ตรวจการแผ่นดินและอดีตผู้พิพากษาศาลยุติธรรม กับ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ซึ่ง มีบ ท บ า ท สำ คัญ ใ น ก า ร พ ย า ย า ม ค ลี่ค ล า ย วิก ฤ ติก า ร เ มือ ง ก่อ น ค ส ช . เ ข้า ยึด อำ น า จ นอกจากชื่อของแคนดิเดตทั้ง 2 คนซึ่งว่ากันว่าจะเป็น "คู่ชิง" เก้าอี้ประธาน สนช.แล้ว ต่อมายังปรากฏชื่อของ พ ล . อ . ธีร เ ด ช มีเ พีย ร ซึ่ง ถือ เ ป็น อ ดีต ค น ใ น ก อ ง ทัพ รับ ร า ช ก า ร ท ห า ร ม า ต ล อ ด ชีวิตกระทั่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม
บิ๊กขรก.ติดโผร่วมครม. เล็งดึง ‘กษมา-พรชัย-วิฑูรย์-สีหศักดิ์’เสริมทัพรัฐบาล “ประยุทธ์” คิกออฟงานเปิดตัวรับสมัครสภาปฏิรูปเสาร์นี้
“บิ๊กข้าราชการ-อดีตปลัดกระทรวง” ติดโผร่วมครม.เผย “ประยุทธ์” เล็งดึง “วิฑูรย์” นั่งรมว.อุตฯ- “พรชัย” รมว.ไอซีที- “กษมา” รมช.ศึกษาฯ – “สีหศักดิ์” คุมบัวแก้ว สนช.รายงานตัวแล้ว 197 คน ขาดเพียง “สม จาตุศรีพิทักษ์” ติดภารกิจต่างประเทศ ชี้สัปดาห์หน้าเลือกนายกฯไม่ทัน “คนใน” แห่สมัคร “คตง.-ผู้ว่า คตง.”

2. + มุมมองเศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้น
Update: "โมเบียส" ชูหุ้นไทยแนวโน้มดี ชี้ตลาดเดินหน้า แม้เผชิญวิกฤติการเมือง
      หนังสือพิมพ์ดิ เอดจ์ของมาเลเซียรายงานในวันนี้ว่า นายมาร์ค โมเบียส ประธานกรรมการกลุ่มเทมเพิลตัน อีเมอร์จิง มาร์เก็ตส์ กล่าวถึงตลาดหุ้น ไทยว่า สถานการณ์ในไทยและจีนแสดงให้เห็นว่า แต่ละประเทศในเอเชียมีความแตกต่างจากกัน นายโมเบียสกล่าวว่า "ถ้าหากคุณพิจารณาไทย คุณจะพบว่าถึงแม้เกิด เหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง แต่ตลาดหุ้นก็ยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป และ เมื่อมีการประกาศว่ากองทัพทำรัฐประหารตลาดหุ้นไทยก็ดีดตัวขึ้นอีก ดังนั้น เราจึงมองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงอยู่ในภาวะที่ดีต่อไปในอนาคต"

 

โกลด์แมนแซคส์ปรับเศรษฐกิจไทยดีขึ้น
   โกลด์แมนแซคส์ ธนาคารชั้นนำของสหรัฐคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 0.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มจากมุมมองเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 0.5% อย่างไรก็ตามตัวเลขจีดีพีที่ปรับขึ้นใหม่นี้ ยังถือเป็นตัวเลขค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือสำนักข่าวบลูกเบิร์ก ที่ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยว่าจะโต 1.5% และ 1.6 % ตามลำดับ
ทั้งนี้โกลด์แมนแซคส์มองว่าเศรษฐกิจในปี 2558 จะฟื้นตัวดีขึ้นส่วนหนึ่งมาจากฐานเศรษฐกิจปีนี้ที่ค่อนข้างต่ำและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.โดยคาดว่าจีดีพีปีหน้าจะเติบโต 4.3% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 3.8%


ธปท. ชี้ 'บริโภค-ลงทุน' ส่อคึก
      รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อ ซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นของผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลด้านสินเชื่อของสถาบันการเงินในช่วงไตรมาส 2 ปี 2557 พบว่า สถาบันการเงินเริ่มคาดการณ์ว่าในไตรมาส 3 ปี 2557 ความต้องการสินเชื่อของธุรกิจโดยรวมเริ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนจะเริ่มดีขึ้น โดยธุรกิจที่สถาบันการเงินประเมินว่า จะขยายตัวดีได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การขนส่งและคลังสินค้า การค้าวัสดุก่อสร้าง การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน และการผลิตพลังงานไฟฟ้า
KTZ คาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยขยายตัวได้ 3.5% และ 3.6% ในไตรมาสที่ 3/57 และ4/57 โดยทั้งปี 57 และ 58 คาดขยายตัวได้ 2.0% และ 4.1% ตามลำดับ แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้รับผลบวกภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (KBANK SCB) และกลุ่มอสังหาฯ (AP QH)

3. +/- 2Q57F Earnings Results: Consensus คาดบจ. ไทยมีกำไรเพิ่มขึ้น 18% YoY -3.9%q-q ใน 2Q14
สัปดาห์นี้ จับตารายงานผลกำไรบจ. GOLD PTTGC AAV ADVANC CPALL MAKRO IVL SIRI
Bloomberg Consensus : 2Q14E earning estimate by sector คาดว่า กลุ่มพลังงาน จะรายงานกำไรเติบโต y-y สูงสุด +105.3% รองลงมาคือ กลุ่มอาหาร +86.5%y-y ปิโตรเคมี +70%y-y แย่สุดคือ กลุ่มเหล็ก -168.9%y-y ขนส่ง -146.7%y-y
+/- USA: ผลการดำเนินงาน 2Q57F ของบจ.สหรัฐฯ ที่น่าสนใจ : ได้แก่ AIG (4/8) Walt Disney (5/8) Time Warner (6/8)

+/- 4. รายงานเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ : ไฮไลท์อยู่ที่ ECB – BOJ Meeting, รายงาน 2Q57F GDP อินโดนีเซีย อิตาลี , ผลประชุมกนง ไทย
วันพฤหัสบดี 7 ส.ค. : ผลประชุมธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.15% และ 0.5% ตามลำดับ USA:Consumer credits มิ.ย. คาด $18bn. (Vs $19.6bn.) Germany:Industrial Production มิ.ย. คาด +1.3%m-m(Vs -1.8%)
วันศุกร์ 8 ส.ค. : Japan ผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.1% China: ส่งออกดุลการค้าเดือน ก.ค. คาด +6.5%y-y +$26bn. (Vs +7.2% +$31.56bn.) USA: Wholesale Inventories มิ.ย.คาด +0.6%m-m (Vs 0.5%) Germany ส่งออก มิ.ย. คาด +1.3%m-m (Vs -1.1%)

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
     "ฮาลิแฟกซ์" เผยราคาบ้านในอังกฤษพุ่งสูงสุดรอบ 7 ปี ในเดือน ก.ค. บริษัทฮาลิแฟกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้สินเชื่อจำนอง เปิดเผยว่า ราคาบ้าน ในอังกฤษในเดือน ก.ค.พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤติการเงิน ทั้งนี้ ราคาบ้านในเดือน พ.ค.-ก.ค. พุ่งขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกัน ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย.2007 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารนอร์ธเทิร์น ร็อคล้มละลายในขณะนั้น
เยอรมนี เผยยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมทรุดหนักสุดรอบเกือบ 3 ปีใน มิ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมดิ่งลง 3.2% ในเดือน มิ.ย. โดยต่ำกว่าผลสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่ายอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้น 1.0% ขณะที่ตัวเลขจริงออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ต่ำสุดที่ว่าจะลดลง 0.5% อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงได้ทบทวนปรับเพิ่มข้อมูลยอดสั่งซื้อเดือน พ.ค. เป็นลดลง 1.6% จากลดลง 1.7% ที่รายงานไปก่อนหน้า

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดบวก หลังเปิดลบช่วงแรกจากข่าวผิดหวัง M&A และสถานะการณ์ยูเครน
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิด่บวก หลังลดลงแรงในช่วงเปิดตลาด โดยดัชนี DJIA ปิดบวก 13.87 จุด หรือ 0.08% สู่ระดับ 16,443.34 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขึ้นเล็กน้อย 0.03 จุด หรือ 0.001% สู่ระดับ 1,902.24 จุด Nasdaq ขยับขึ้นเล็กน้อย 2.22 จุด หรือ 0.05% สู่ระดับ 4,335.05 จุด หุ้น 4 ใน 10 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดบวก ขณะที่หุ้นกลุ่ม เทเลคอมร่วงลง 1.3% จากข่าวการควบรวมกิจการที่ล้มเหลวระหว่างบริษัท สปรินท์และที-โมบายเนื่องจากข้อจำกัดด้านกฏระเบียบ
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในยูเครนและรัสเซีย และการควบกิจการที่ล้มเหลวระหว่างบริษัทสปรินท์ และที-โมบายได้ถ่วงตลาดลง

- ตลาดหุ้นยุโรป กลับมาปิดลดลงจากผิดหวังตัวเลขเศรษฐกิจ อิตาลี
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปกลับมาปิดอ่อนตัวลง โดย FTSE ปิดลดลง 46.32 จุด หรือ -0.69% สู่ 6,636.16 จุด ดัชนี CAC40 กลับมาปิดลดลง 25.74 จุด หรือ -0.61% สู่ 4,207.14 จุด และ DAX ปิดร่วง -59.70 จุด หรือ -0.65% สู่ 9,130.04 จุด
เศรษฐกิจอิตาลีเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาสสอง ซึ่งถือเป็นการเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นรอบที่สามนับตั้งแต่ปี 2008 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอิตาลีหดตัวลง 0.2 % ต่อไตรมาสในไตรมาสสอง หลังจากหดตัวลง 0.1 % ในไตรมาสแรก ทั้งนี้ อิตาลีเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยูโรโซน
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์เป็นกลุ่มที่ดิ่งลงมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 เนื่องจาก นักลงทุนกังวลว่าบริษัทสหรัฐอาจลดความสนใจในการเข้าซื้อบริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐดำเนินมาตรการตัดการลดหย่อนทางภาษีต่อบริษัทสหรัฐที่โยกย้ายสำนักงานใหญ่ไปต่างประเทศ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต 3 คนของสหรัฐเรียกร้องในวันอังคารให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามาของสหรัฐออกคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อลดหรือยกเลิกมาตรการลดหย่อนทางภาษีต่อบริษัทสหรัฐที่โยกย้ายสำนักงานใหญ่ ไปต่างประเทศ โดยการโยกย้ายสำนักงานใหญ่นี้มีจุดประสงค์เพื่อลดการจ่ายภาษีในสหรัฐ

-ราคาน้ำมันดิบ อ่อนตัวลงต่อเนื่อง วิตกอุปทานล้น
วันทำการที่ผ่านมา Brent ส่งมอบ กย. ปิดลดลงเล็กน้อย 0.02 ดอลลาร์ สู่ 105.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงมาปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน
ส่วน Nymex ส่งมอบ กย. ลดลง 0.46 ดอลล์ต่อบาร์เรล มาปิดที่ระดับ 96.92 ดอลล์ต่อบาร์เรล อุปทานน้ำ มันที่ระดับสูงในสหรัฐกดดันราคาน้ำ มันดิบให้ร่วงลงมาปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำ สุดในรอบ 6 เดือน ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงมาแล้วกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่อุปทานน้ำมันอยู่ในระดับสูงกว่าอุปสงค์ และส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดในตลาดเอเชียและแอ่งแอตแลนติก

+ราคาทองคำ ปิดพุ่งแรง หลังร่วง 6 ใน 7 วันทำการที่ผ่านมา
วันทำการที่ผ่านมา ราคาสัญญาทองเดือน สิงหาคม กลับมาปิดพุ่ง หลังร่วง 6 วัน ในรอบ 7 วันทำการที่ผ่านมา โดยวานนี้ ปิดพุ่งขึ้น 22.90 ดอลล์ มาปิดที่ระดับ 1,308.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐทะยานขึ้น 18.25 ดอลลาร์ หรือ 1.42% สู่ 1,305.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยได้รับแรงหนุนจาก ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ความขัดแย้งทางการทหารในยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และเนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในภาวะอ่อนแอ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียสั่งให้รัฐบาลรัสเซียจำกัดการนำเข้าอาหารจากประเทศที่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยมาตรการนี้ ถือเป็นมาตรการทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดที่รัสเซียใช้ตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก

+ ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index กลับมาปิดบวกเป็นวันที่ 10 ในรอบ 11 วัน
วันทำการที่ผ่านมา ดัชนี Baltic Dry Index ปิดเพิ่มขึ้น 4 จุด มาปิดที่ 759 จุด หลังจาก ปี 56 เพิ่มขึ้น+28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก

ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501 Thanomsaks@ktzmico.com 02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564 Tidaratp@ktzmico.com 02-624-6270

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!