WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ลง-ทดสอบแนวรับ 1515 จุด
Highlight
      ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เปิดลดลง วิตก Geopolitical Risks หลังสหรัฐฯอาจพิจาณาใช้กำลังทางอากาศโจมตีในอิรัก และ ECB Meeting ไม่ส่งสัญญาณออก QE ในเร็วๆนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ Japan ผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.1% China: ส่งออก ดุลการค้าเดือน ก.ค. คาด +6.5%y-y +$26bn. (Vs +7.2% +$31.56bn.) USA:Wholesale Inventories มิ.ย. คาด +0.6%m-m (Vs 0.5%) Germany ส่งออก มิ.ย. คาด +1.3% m-m (Vs -1.1%)
+ วันทำการก่อนหน้า ต่างชาติกลับมาขาย -1.02 พันลบ. (จากวันก่อนซื้อ +1.05 พันลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศขายอีก -411 ลบ. (ขายสะสม 2 วันรวม -850 ลบ.)
+ การเมือง คาดประชุมสภาครั้งแรกวันนี้ เพื่อเลือกประธานสภา และรองประธานสภา ก่อนประชุมสัปดาห์ต่อๆ ไป เพื่อเลือกนายกฯ และพิจารณางบประมาณฯ ปี 58
คาดดัชนีฯ วันนี้ ย่อตัว แนวรับ 1515/1505 จุด โมเมนตั้มลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) จาก Geopolitcial Risks และไม่มีสัญญาณบวกใหม่ๆ ส่งผลให้แรงขายทำกำไรระยะสั้น คาดเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์: เราคงคำแนะนำ ขึ้นทยอยขาย (คาดไม่ผ่านแนวต้านเดิม 1543 จุด) เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ 1500-1505 จุด หุ้นเด่นแนะนำ KBANK SCB INTUCH SIRI QH AP CPALL SCC AAV CENTEL และกลุ่ม Cyclical Play หุ้นเด่นแนะนำ PTT IVL IRPC PSL

หุ้นในกระแส:
หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 4.0%) ได้แก่ ADAM EPCO RS AAV CHO BKD PSL CSS หุ้นที่ลงกว่า 2.5.0% ได้แก่ LIT TWZ ITD IFEC PDG
NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ ADVANC+136 TMB+101 สูงสุดด้านขาย ได้แก่ SCC-337 JAS-277 BBL-238 PTTGC -224 SCB-113 CPF-102
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ KBANK 184 TRUE 106 CPALL 63

Market Outlook
คาดดัชนีฯ วันนี้ ย่อลง แนวรับ 1515/1505 จุด วิตก Geopolitical Risks หนุนถือสินทรัพย์ปลอดภัยชั่วคราวและเศรษฐกิจยุโรปอาจอ่อนแอ โดยที่ไม่มีมาตรการ QE ปีนี้ แนะขึ้นขาย – ลงซื้อ หุ้นพื้นฐานดี มีปันผล
คาดดัชนีฯ วันนี้ ย่อลง แนวรับ 1515/1505 จุด แนวต้าน 1527/1532 จุด หลังปัจจัยแวดล้อมเริ่มกลายเป็นเชิงลบ โดยตลาดเริ่มพิจารณาการหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัย (ทองคำ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ) แทนที่ สินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) หลังจาก หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์รายงานว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลามในอิรัก และมาตรการตอบโต้ใหม่ หลังรัสเซียออกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าอาหารจากสหรัฐฯและยูโร ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซน อาจชะลอตัวกว่าคาด และ ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะเร่งออก QE ภายในปีนี้
ส่วนปัจจัยวันนี้ จับตา BOJ Meeting คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม , การส่งออกและดุลการค้าเดือน ก.ค. ของจีน คาดทรงตัว +6.5%y-y +$26bn. (Vs +7.2% +$31.56bn.) หากดีกว่าคาด จะเป็นผลบวกต่อกลุ่มเรือ กลุ่มปิโตรเคมี พลังงาน ส่วนการประชุม สนช.นัดแรก คาดเป็นเพียงเลือกประธานและรองประธาน ก่อนนัดประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณางบประมาณปี 58
กลยุทธ์ แนะนำ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ ใช้กลยุทธ์ ขึ้นทยอยขาย เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ หุ้นพื้นฐานดี หุ้นปันผล (ดูชื่อหุ้น ข้างล่าง) ส่วนหุ้นเด่น เราชอบกลุ่มขนส่ง PSL TTA (ค่าระวางเรือฟื้นตัวตามฤดูกาลและ NOK AAV AOT อาจมีการยกเลิกมาตรกาเก็บค่าธรรมเนียมให้นักท่องเที่ยวจีน และไต้หวัน)
  ปัจจัยในประเทศ – โมเมนตั้มลบจาก นักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างชาติ กลับมาเป็นผู้ขายสุทธิพร้อมกันวานนี้ ส่วนแนวทางปฎิรูปประเทศช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เริ่มออกมาต่อเนื่อง โดย สพฐ เตรียมเสนอต้นเดือนหน้าต่อคสช. เพื่อเสนอ 3 แนวทางเรื่องเก็บเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กรณีดีสุด คือ เสนองบ 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี เพื่อไม่ต้องเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ปกครอง) ซึ่งเป็นอีกแนวทางในการเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ

ปัจจัยต่างประเทศ – ยังเป็นลบ
Geopolitical Risks: เพิ่มความเสี่ยง นอกจากปัญหายูเครน ที่ความขัดแย้งระหว่าง รัสเซียและประเทศตต. อาจบานปลาย แล้ว ยังมีโอกาสสูงที่สหรัฐฯอาจโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลามในอิรัก (+ ทองคำ น้ำมันดิบ)
เศรษฐกิจยูโรโซน: มีความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าคาด โดยวานนี้ ประธานอีซีบี นายดรากีกล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับยูโรโซนยังคงมีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากปัจจัยทางการเมืองและการพัฒนาในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และไม่มีการส่งสัญญาณต่อการออก QE ในอนาคต แต่อย่างใด นอกจากแจ้งว่า "คณะกรรมการอีซีบีมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในการใช้เครื่องมือพิเศษต่อไปหากจำเป็น เพื่อขจัดความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อต่ำที่นานเกินไป"
MSCI Quarterly Review คาดประกาศ 13 ส.ค. และมีผล 1 ก.ย. อาจมีความเสี่ยงต่อหุ้นบางหลักทรัพย์ที่สภาพคล่องซื้อขายต่ำกว่าปกติในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ BEC TRUE (ตลาดวิตกเกณฑ์ถือครองต่างชาติ)

Investment Theme สำหรับการลงทุนระยะ 1-2 สัปดาห์ แนะนำ ขึ้นขาย ลงซื้อ
1) หุ้นปันผลสูงมากกว่า 5% ปีนี้ แนะนำ SAMTEL MODERN TISCO BCP และสะสมเมื่ออ่อนตัว ADVANC DTAC BTS TTW LPN SPALI (ความเสี่ยงขาลงมีจำกัด)
2) หุ้น High Growth ปีนี้ ที่ยังคงมี % Upside สูงกว่า 20% แนะนำ PSL BCP THCOM TTCL KBANK SCB SINGER BECL
3) หุ้นเก็งกำไร Earnings Play: เก็งกำไรหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะรายงานกำไร 2Q57F เติบโตสูง อาทิ CSS IVL GOLD ANAN JUBILE MINT SVI

ประเด็นจับตา
1. ประเด็นการเมือง: ศุกร์นี้ ประชุมสภานัดแรก
ประเด็นการเมือง (Update):
เปิดแคนดิเดตชิง'ประธาน สนช.' บุคคลที่ปรากฏชื่อและเป็นแคนดิเดตสำคัญว่า น่าจะได้รับความไว้วางใจจากสมาชิก มีอยู่ 2 คน คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และอดีตผู้พิพากษาศาลยุติธรรมกับ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพยายามคลี่คลายวิกฤติการเมืองก่อน คสช.เข้ายึดอำนาจ นอกจากชื่อของแคนดิเดตทั้ง 2 คนซึ่งว่ากันว่าจะเป็น "คู่ชิง" เก้าอี้ประธาน สนช.แล้ว ต่อมายังปรากฏชื่อของ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ซึ่งถือเป็นอดีตคนในกองทัพ รับราชการทหารมาตลอดชีวิต กระทั่งเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม
  บิ๊กขรก. ติดโผร่วมครม. เล็งดึง ‘กษมา-พรชัย-วิฑูรย์-สีหศักดิ์’เสริมทัพรัฐบาล “ประยุทธ์” คิกออฟงานเปิดตัวรับสมัครสภาปฏิรูปเสาร์นี้ “บิ๊กข้าราชการ-อดีตปลัดกระทรวง” ติดโผร่วมครม.เผย “ประยุทธ์” เล็งดึง “วิฑูรย์” นั่งรมว.อุตฯ- “พรชัย” รมว.ไอซีที- “กษมา” รมช.ศึกษาฯ – “สีหศักดิ์” คุมบัวแก้ว สนช.รายงานตัวแล้ว 197 คน ขาดเพียง “สม จาตุศรีพิทักษ์” ติดภารกิจต่างประเทศ ชี้สัปดาห์หน้าเลือกนายกฯไม่ทัน “คนใน” แห่สมัคร “คตง.-ผู้ว่า คตง.”

2. + มุมมองเศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้น
Update: "โมเบียส" ชูหุ้นไทยแนวโน้มดี ชี้ตลาดเดินหน้า แม้เผชิญวิกฤติการเมือง
หนังสือพิมพ์ดิ เอดจ์ของมาเลเซียรายงานในวันนี้ว่า นายมาร์ค โมเบียส ประธานกรรมการกลุ่มเทมเพิลตัน อีเมอร์จิง มาร์เก็ตส์ กล่าวถึงตลาดหุ้น ไทยว่า สถานการณ์ในไทยและจีนแสดงให้เห็นว่า แต่ละประเทศในเอเชียมีความแตกต่างจากกัน นายโมเบียสกล่าวว่า "ถ้าหากคุณพิจารณาไทย คุณจะพบว่าถึงแม้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง แต่ตลาดหุ้นก็ยังคงปรับตัวขึ้นต่อไป และ เมื่อมีการประกาศว่ากองทัพทำรัฐประหาร ตลาดหุ้นไทยก็ดีดตัวขึ้นอีก ดังนั้น เราจึงมองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงอยู่ในภาวะที่ดีต่อไปในอนาคต"
โกลด์แมนแซคส์ปรับเศรษฐกิจไทยดีขึ้น
โกลด์แมนแซคส์ ธนาคารชั้นนำของสหรัฐคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 0.4% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มจากมุมมองเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 0.5% อย่างไรก็ตามตัวเลขจีดีพีที่ปรับขึ้นใหม่นี้ ยังถือเป็นตัวเลขค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือสำนักข่าวบลูกเบิร์ก ที่ประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยว่าจะโต 1.5% และ 1.6 % ตามลำดับ
ทั้งนี้ โกลด์แมนแซคส์มองว่าเศรษฐกิจในปี 2558 จะฟื้นตัวดีขึ้นส่วนหนึ่งมาจากฐานเศรษฐกิจปีนี้ที่ค่อนข้างต่ำและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.โดยคาดว่าจีดีพีปีหน้าจะเติบโต 4.3% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 3.8%
ธปท.ชี้' บริโภค-ลงทุน'ส่อคึก
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจภาวะและแนวโน้มสินเชื่อ ซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นของผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลด้านสินเชื่อของสถาบันการเงินในช่วงไตรมาส 2 ปี 2557 พบว่า สถาบันการเงินเริ่มคาดการณ์ว่าในไตรมาส 3 ปี 2557 ความต้องการสินเชื่อของธุรกิจโดยรวมเริ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนจะเริ่มดีขึ้น โดยธุรกิจที่สถาบันการเงินประเมินว่า จะขยายตัวดีได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การขนส่งและคลังสินค้า การค้าวัสดุก่อสร้าง การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน และการผลิตพลังงานไฟฟ้า
KTZ คาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยขยายตัวได้ 3.5% และ 3.6% ในไตรมาสที่ 3/57 และ4/57 โดยทั้งปี 57 และ 58 คาดขยายตัวได้ 2.0% และ 4.1% ตามลำดับ แนะนำลงทุนหุ้นที่ได้รับผลบวกภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (KBANK SCB) และกลุ่มอสังหาฯ (AP QH)

3. +/- 2Q57F Earnings Results: Consensus คาดบจ. ไทยมีกำไรเพิ่มขึ้น 18% YoY -3.9%q-q ใน 2Q14
สัปดาห์นี้ จับตารายงานผลกำไรบจ. GOLD PTTGC AAV ADVANC CPALL MAKRO IVL SIRI
Bloomberg Consensus : 2Q14E earning estimate by sector คาดว่า กลุ่มพลังงาน จะรายงานกำไรเติบโต y-y สูงสุด +105.3% รองลงมาคือ กลุ่มอาหาร +86.5%y-y ปิโตรเคมี +70%y-y แย่สุดคือ กลุ่มเหล็ก -168.9%y-y ขนส่ง -146.7%y-y
+/- USA: ผลการดำเนินงาน 2Q57F ของบจ.สหรัฐฯ ที่น่าสนใจ : ได้แก่ AIG (4/8) Walt Disney (5/8) Time Warner (6/8)

+/- 4. รายงานเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ : ไฮไลท์อยู่ที่ ECB – BOJ Meeting, รายงาน 2Q57F GDP อินโดนีเซีย อิตาลี , ผลประชุมกนง ไทย
วันศุกร์ 8 ส.ค. : Japan ผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.1% China: ส่งออกดุลการค้าเดือน ก.ค. คาด +6.5%y-y +$26bn.(Vs +7.2% +$31.56bn.) USA: Wholesale Inventories มิ.ย. คาด +0.6%m-m (Vs 0.5%) Germany ส่งออก มิ.ย. คาด +1.3%m-m (Vs -1.1%)

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
"ฮาลิแฟกซ์" เผยราคาบ้านในอังกฤษพุ่งสูงสุดรอบ 7 ปี ในเดือน ก.ค. บริษัทฮาลิแฟกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้สินเชื่อจำนอง เปิดเผยว่า ราคาบ้าน ในอังกฤษในเดือน ก.ค. พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤติการเงิน ทั้งนี้ ราคาบ้านในเดือน พ.ค. - ก.ค. พุ่งขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกัน ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2007 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ธนาคารนอร์ธเทิร์น ร็อคล้มละลายในขณะนั้น
เยอรมนี เผยยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมทรุดหนักสุดรอบเกือบ 3 ปีใน มิ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมดิ่งลง 3.2% ในเดือน มิ.ย. โดยต่ำกว่าผลสำรวจของรอยเตอร์ที่คาดว่ายอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้น 1.0% ขณะที่ตัวเลขจริงออกมาต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ต่ำสุดที่ว่าจะลดลง 0.5% อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงได้ทบทวนปรับเพิ่มข้อมูลยอดสั่งซื้อเดือน พ.ค. เป็นลดลง 1.6% จากลดลง 1.7% ที่รายงานไปก่อนหน้า
รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยในวันนี้ว่า มียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดใน เดือนมิ.ย.เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน อันเป็นผลจากรายได้ที่ลดลงจากการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 3.991 แสนล้านเยน (3.9 พันล้านดอลลาร์) ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบกับตัวเลขประมาณการในผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ที่ 3.243แสนล้านเยน ส่วนในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 5.228 แสนล้านเยน
ข่าวกองทุนเงินบำนาญญี่ปุ่นกดเยนร่วงลง เยนร่วงลงในช่วงการซื้อขายที่ตลาดยุโรปวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า กองทุนเงินบำนาญภาครัฐของญี่ปุ่นวางแผนจะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น กองทุนการลงทุนเงินบำนาญของรัฐบาลญี่ปุ่น (GPIF) วางแผนจะนำเงิน 20 % ของกองทุนเข้าลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายในปัจจุบันที่ตั้งไว้ที่ 12 %

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วิตกมาตรการตอบโต้ หลังรัสเซียคว่ำบาตรอาหารจากสหรัฐฯ ยุโรป
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดลดลง โดยดัชนี DJIA ปิดลดลง 75.07 จุด หรือ -0.46% สู่ระดับ 16,368.27 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.67 จุด หรือ -0.56% สู่ระดับ 1,909.57 จุด Nasdaq ร่วงลง 20.08 จุด หรือ -0.46% สู่ระดับ 4,334.97 จุด หุ้น 9 ใน 10 กลุ่มของดัชนี S&P 500 ปิดลดลง โดยกลุ่มสาธารณูปโภคกลุ่มเดียวที่ปิดบวก หุ้นกลุ่มประกันสุขภาพร่วงลงหลังโกลด์แมน แซคส์ปรับลดอันดับความน่าลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงเกินคาดของรัสเซียต่อมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกได้เพิ่มความวิตก เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์รายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม ในขณะที่ กลุ่มดังกล่าวกำลังรุกคืบหน้าเข้าใกล้เมืองหลวงของภูมิภาคเคิร์ดทางตอนเหนือของอิรัก

- ตลาดหุ้นยุโรป วิตกเศรษฐกิจชะลอตัว
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงต่อ โดย FTSE ปิดลดลง 38.79 จุด หรือ -0.58% สู่ 6,597.37 จุด ดัชนี CAC40 ปิดร่วง 57.31 จุด หรือ -1.36% สู่ 4,149.83 จุด และ DAX ปิดดิ่ง 91.07 จุด หรือ -1% สู่ 9,138.97 จุด ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.15% ตามคาดหลังปรับลดลงในเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ ยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่ระดับ -0.10% และ 0.40% ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักเศรษฐศาตร์
นายดรากีกล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับยูโรโซนยังคงมีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองและการพัฒนาในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ "คณะกรรมการอีซีบีมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในการใช้เครื่องมือพิเศษต่อไปหากจำเป็น เพื่อขจัดความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อต่ำที่นานเกินไป"
ข้อมูลในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า อิตาลีซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของยูโรโซนได้เข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง ขณะที่ธนาคารบุนเดสแบงก์ ระบุว่า เศรษฐกิจเยอรมนีชะงักงันในไตรมาส 2

+ราคาน้ำมันดิบ กลับมาฟื้นตัว จากข่าวสหรัฐฯเตรียมโจมตีอิรัก
วันทำการที่ผ่านมา Brent ส่งมอบ กย. ปิดเพิ่มขึ้น 0.85 ดอลลาร์ สู่ 105.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Nymex ส่งมอบ กย. ปิดสูงขึ้น 0.42 ดอลล์ต่อบาร์เรล มาปิดที่ระดับ 97.34 ดอลล์ต่อบาร์เรล หลังจาก มีข่าวว่าสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลามใน อิรัก โดยข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจเกิดปัญหาขัดข้องด้านอุปทานน้ำมันในอิรัก ในขณะที่อิรักถือเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสองในบรรดาสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
นายยีน แมคจิลเลียน นักวิเคราะห์ของบริษัทเทรดิชัน เอ็นเนอร์จีกล่าวว่า "เราจำเป็นต้องเห็นสหรัฐดำเนินการโจมตีทางอากาศอย่างแท้จริง ก่อนที่ ราคาน้ำมันจะสามารถพุ่งขึ้นได้ต่อไป" และเขาตั้งข้อสังเกตว่า การส่งออกน้ำมันจากอิรักยังไม่ได้ประสบเหตุขัดข้อง

+ราคาทองคำ ปิดขึ้นต่อเป็นวันที่ 2
วันทำการที่ผ่านมา ราคาสัญญาทองเดือน ธันวาคม ปิดขึ้นต่อ โดยวานนี้ ปิดขึ้นต่ออีก 4.30 ดอลล์ มาปิดที่ระดับ 1,312.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 7.21 ดอลลาร์ สู่ 1,313.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงหนุนจาก.ค.วามต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่สถานการณ์ในอิรักและยูเครน ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกด้วยว่า ราคาทอง สามารถพุ่งขึ้นได้อีก หลังจากทะยานข้ามแนวต้านสำคัญทางเทคนิคในช่วงที่ผ่านมา

+ ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index กลับมาปิดบวกเป็นวันที่ 11 ในรอบ 12 วัน
วันทำการที่ผ่านมา ดัชนี Baltic Dry Index ปิดเพิ่มขึ้น 6 จุดมาปิดที่ 765 จุด หลังจาก ปี 56 พิ่มขึ้น +28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก

ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501 Thanomsaks@ktzmico.com 02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564 Tidaratp@ktzmico.com 02-624-6270

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!