WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1530 จุด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HEMRAJ (จากซื้อเป็นถือ)
      ภาพตลาดวันก่อน : ปรับขึ้นต่อ เมื่อวันศุกร์ SET Index ปิด +4.65 จุดมาที่ 1546.62 มูลค่าซื้อขายประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยมีการเลือกซื้อหุ้นเป็นรายบริษัทกระจายไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นขนาดกลาง-เล็กเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเมื่อเทียบกับหลายวันก่อน นักลงทุนสถาบันในประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 2.5 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิต่อ 746 ล้านบาท ส่วนต่างชาติและรายย่อยขายสุทธิ

      ปัจจัยและกลยุทธ์ : กำไรสุทธิบจ.ครึ่งแรกปี 57 เติบโต 3% ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ และกำไรสุทธิ 1H57 คิดเป็น 49% ของประมาณการทั้งปี 57ของเรา แนวโน้ม 2H57 ไปได้ดีขึ้น โดยการฟื้นตัวของกำไรบจ.คาดว่าจะเห็นชัดเจนใน 4Q57 (ใน 3Q57 ยังเพิ่งเริ่มต้น คาดว่าจะเห็นการเติบโตไม่มากหลายอุตสาหกรรมรอความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลและทบทวนแผนการลงทุน เม็ดเงินลงทุนในโครงการใหม่จึงจะเริ่มเข้าสู่ระบบได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ในปี 58) จึงคงคาดการณ์ EPS Growth ปีนี้ไว้ที่ 9% และปีหน้า 12% ซึ่งจะได้เป้าหมาย SET Index ของปี 57 เท่ากับ 1559 จุด และปี 58 ที่ 1627จุด (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน) สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราให้น้ำหนักการลงทุน Overweight และแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มดังกล่าวคือ # ธนาคารพาณิชย์ (หุ้นพื้นฐาน : KBANK, KTB, BBL หุ้น Dark Horse : TMB), # รับเหมา & วัสดุก่อสร้าง (หุ้นพื้นฐาน : CK, STEC, SCC หุ้น
      Dark Horse : SYNTEC), # พาณิชย์ & อาหาร (หุ้นพื้นฐาน : BIGC, MC, GFPT), # ที่พักอาศัย & ให้เช่าพื้นที่ (หุ้นพื้นฐาน : AP, QH, SPALI, CPN หุ้น
Dark Horse : RML, SC), # ขนส่ง & ท่องเที่ยว & โรงแรม (หุ้นพื้นฐาน : AOT, MINT) ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จับตา คือ ปัญหาการเมืองภายนอก (ยูเครน,อิรัก, ฉนวนกาซา) และเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow)

      กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1530 จุดดูไม่ดี โดยมีสิทธิอ่อนตัวไปที่ 1500, 1480 จุด นักลงทุนที่มีหุ้นเยอะและมีเงินสดเหลือน้อยควรลดพอร์ตตาม ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1550-1560 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น SYNTEC

Fundamental Pick
SYNTEC แนะนำซื้อราคาปิด 2.24 บาท เป้าหมาย 2.52 บาท
     * อัตรากำไรขั้นต้น 2Q57 ของบริษัทโดดเด่นขึ้นมาก และช่วยผลักดันให้กำไรสุทธิ 2Q57 เติบโตก้าวกระโดดถึง 156% y-o-y เป็น 74 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวชัดเจนเป็น 12.6%เทียบกับ y-o-y ที่ 7.8%
      * ฐานะการเงิน 2Q57 แข็งแกร่ง มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ คือ มีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นที่มากกว่าเงินกู้ มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเป็น 1.65 บาท ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน1H56 เป็น +567 ล้านบาท เทียบกับ y-o-y ที่ +113 ล้านบาท
      * ประมูลงานได้เพิ่ม 3 พันล้านบาทในงวด 2Q57 จึงช่วยชดเชยงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่จบไป 2งาน ส่งผลให้ Backlog ในมือยังทรงตัวในระดับสูงที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1Q57 ซึ่งถือว่าเป็นสถิติสูงสุด ข้อดีคือ สามารถรับรู้รายได้ไปถึงปี 59 และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยสูงถึง 12-15% เทียบกับปี 56 อัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้คือ 8.2%
      * แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานเป็น 2.52 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 58 ที่ 11 เท่า เราชอบSYNTEC เนื่องจากมี Backlog สูงและมีแนวโน้มจะได้งานใหม่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป, อัตราการเติบโตกำไรหลักแข็งแกร่ง ปีนี้ + 48% y-o-y และปีหน้า +26% y-o-y ฐานะการเงินดีมาก และมีเงินลงทุน BMCL ในต้นทุนเฉลี่ยที่ต่ำเพียง 1.07 บาท ขณะที่ราคาหุ้น BMCL ฟื้นตัวสดใส จึงมีกำไรที่ยังไม่รับรู้ในหลักทรัพย์นี้

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
•/+ สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจส.ค.มีสัญญาณชะลอเล็กน้อย แต่ยังไม่น่ากังวล และอัตราเงินเฟ้อไม่กดดัน
* กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค.หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
* ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐขยายตัว 0.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งนับว่าขยายตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
* ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่าดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire StateIndex) ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. โดยปรับตัวลดลงแตะ 14.69 หลังจากที่พุ่งแตะระดับสุงสุดในรอบ 4 ปีที่ 25.60 ในเดือนก.ค.
* ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนส.ค.จากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกน ร่วงลงแตะระดับ 79.2 จากระดับเดือนก.ค.ที่ 81.8

+ อังกฤษ : GDP 2Q57 ขยายตัว 3.2% ดีกว่าคาด
* สำนักงานสถิติของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษในช่วงไตรมาส 2 ปี 2557 ขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2550 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัวที่ 3.1% ปัจจัยหนุนคือ ภาคก่อสร้างที่เติบโตกว่าที่ประมาณการไว้ สำหรับทั้งปี 57 ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3.5%

- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดอ่อนลงในวันศุกร์
* ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 50.67 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 16,662.91 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.12 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 1,955.06 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น11.93 จุด หรือ 0.27% ปิดที่ 4,464.93 จุด เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย

+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นเพราะมีข่าวว่ากองทัพยูเครนโจมตีรถยนต์หุ้มเกราะของรัสเซีย
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.77 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.35 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน บวก 1.46 ดอลลาร์ปิดที่ 103.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยหนุน คือ รายงานข่าวที่ว่า กองทัพของยูเครนได้โจมตีและทำลายยานยนต์หุ้มเกราะที่ข้ามชายแดนมาจากทางฝั่งรัสเซียในบริเวณที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนครอบครองอยู่ แต่รัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมกลับกล่าวว่ากองทัพยูเครนพยายามขัดขวางรถบรรทุกขนปัจจัยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของรัสเซียที่พยายามให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน

- สัญญาทองคำ COMEX : อ่อนลงเพราะประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังไม่เป็นแรงกดดัน
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 9.5ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,306.2 ดอลลาร์/ออนซ์…ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่ออกมาต่ำ ทำให้คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังไม่เป็นประเด็นที่กดดันในช่วงนี้

ปัจจัยในประเทศ
• กำไรสุทธิบจ.ใน 1H57 เติบโต 3%YoY และคิดเป็น 49% ของกำไรปี 57 ที่เราประมาณการไว้ ดังนั้นจึงคงคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรปีนี้ไว้ที่ 9% และปี 58เท่ากับ 12% ให้เป้าหมาย SET Index ปีนี้1559 จุด และปีหน้า 1627 จุด
* กำไรสุทธิบจ.ช่วง 1H57 ขยายตัว 3%YoY กำไรสุทธิไตรมาส 2/57 ของบริษัทจดทะเบียน(รวม MAI) ที่เรารวบรวมล่าสุดเติบโต 17%YoY แต่ลดลง 13%QoQ เป็น 1.94 แสนล้านบาทส่วนกำไรสุทธิ 1H57 เติบโต 3%YoY เป็น 4.16 แสนล้านบาท
* กลุ่มที่มีกำไรสุทธิเติบโตแกร่งใน 2Q57 โดยเฉพาะเมื่อเทียบ YoY คือ ธุรกิจเกษตร,พลังงาน, อาหาร & เครื่องดื่ม, เครื่องใช้ในครัวเรือน, บรรจุภัณฑ์, ปิโตรเคมี, อสังหาริมทรัพย์,กองทุนอสังหาฯ & REIT
* กลุ่มที่มีกำไรสุทธิหดตัวใน 2Q57 คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน, วัสดุก่อสร้างและบริการด้านก่อสร้าง, สื่อสาร, ประกันภัย, กระดาษ & เยื่อกระดาษ, เหล็ก, ท่องเที่ยว & โรงแรม และขนส่ง
* คงคาดการณ์ EPS Growth ปีนี้ไว้ที่ 9% กำไรสุทธิ 1H57 ของบริษัทจดทะเบียนคิดเป็น49% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 57 ของเราที่คาดว่าจะเติบโต 9% ที่ 8.45 แสนล้านบาทดังนั้นเราจึงคงคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 57 ไว้ที่ 9% และปี 58 ที่ 12%
* เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1559 จุด ปีหน้า 1627 จุด ทาง Retail Research ประเมิน SET Indexเป้าหมายของปี 57 ไว้ที่ 1559 จุด (อิงกับ EPS Growth 9% และ P/E เป้าหมายระดับ High ที่15.9 เท่า) ส่วนเป้าหมายของปี 58 เท่ากับ 1627 จุด (อิงกับ EPS Growth 12% และ P/E
เป้าหมายระดับ Mid-high ที่ 14.8 เท่า ซึ่งน้อยกว่าปี 57 เนื่องจากระหว่างปี 57-58 อาจมีปัจจัย
เสี่ยง/ไม่แน่นนอนในทางลบเกิดขึ้น)

•/+ ธปท.จะทบทวนคาดการณ์ GDP ไทยปี57-58 ในการประชุมกนง.เดือนก.ย.นี้ ... เรามองว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในโมเมนตัมฟื้นตัวแกร่ง ให้น้ำหนักลงทุน Overweigh กลุ่มที่อิงอุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งกลุ่มขนส่งท่องเที่ยว & โรงแรม
* ธปท.จะทบทวนตัวเลขประมาณการ GDP Growth ปี 57-58 ของไทยในการประชุมกนง.ครั้งต่อไปในเดือนก.ย.57 จากปัจจุบันที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 1.5% ในปีนี้ และขยายตัวเพิ่มเป็น 5.5% ในปีหน้า
* ปัจจัยที่จะทำให้ธปท.ปรับเพิ่มประมาณการ คือ การลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วน 22% ของ GDP (การลงทุนภาคเอกชน 17% และภาครัฐ 5% ของ GDP) โดยหากเพิ่มเป็น 25-27% ของ GDP ได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามศักยภาพที่ 4.5-5.0%
* ความเห็น Retail Research DBS : คาดเม็ดเงินลงทุนในโครงการใหม่จะเข้าสู่ระบบในปี 58 เราประเมินว่าเม็ดเงินจากการลงทุนภาครัฐและเอกชนใหม่จะเข้ามาใน 2H57 ไม่มากนักเพราะเป็นช่วงรอดูนโยบายรัฐบาลและทบทวนโครงการ แต่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ต้นปี 58 และมากขึ้นใน 2H58 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และมีทิศทางที่เป็นขาขึ้นตั้งแต่3Q57 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดหลักให้นักลงทุนยังสนใจเข้ามาลงทุนทั้งโดยตรงและในตลาดรอง ซึ่งรวมถึงหุ้นด้วย
* โดยรวม...ยังมีมุมมองที่เป็นบวกกับตลาดหุ้นไทย แม้ว่าระยะสั้นจะมีความผันผวนจากแรงขายทำกำไรหลังสิ้นสุดรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/57 และมี Overhang เรื่องผลกระทบจากการปฎิรูป ทั้งในด้านพลังงาน, โครงสร้างและแผนลงทุนของรัฐวิสาหกิจ, ระบบคมนาคมขนส่ง, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งในบางโอกาสองค์กรต่างๆ อาจมีภาพของการถูกแทรกแซงบ้าง แต่เชื่อว่าจุดมุ่งหมายและการดำเนินการเพื่อทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่น และเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนจะช่วยลดความเป็นลบและทำให้นักลงทุนทั้งภายในและภายนอกยังมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย
* แนะนำเลือกซื้อลงทุนหุ้นพื้นฐานดีที่อิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราให้น้ำหนักการลงทุน Overweight คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ในประเทศ และขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเสรษบกิจ , ท่องเที่ยว & โรงแรม ได้แก่
# ธนาคารพาณิชย์ (หุ้นพื้นฐาน : KBANK, KTB, BBL หุ้น Dark Horse : TMB)
# รับเหมา & วัสดุก่อสร้าง (หุ้นพื้นฐาน : CK, STEC, SCC หุ้น Dark Horse : SYNTEC)
# พาณิชย์ & อาหาร (หุ้นพื้นฐาน : BIGC, MC, GFPT)
# ที่พักอาศัย & ให้เช่าพื้นที่ (หุ้นพื้นฐาน : AP, QH, SPALI, CPN หุ้น Dark Horse :RML, SC)
# ขนส่ง & ท่องเที่ยว & โรงแรม (หุ้นพื้นฐาน : AOT, MINT)

+ กลุ่มขนส่ง ท่องเที่ยว & โรงแรม : คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นใน 4Q57
* เมื่อ 7 ส.ค.57 ประกาศกระทรวงมหาดไทยให้บุคคลซึ่งถือหนังสือเดินทางจีนและถือหนังสือเดินทางจีนไทเป ที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในไทยเพื่อการท่องเที่ยวได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจตราลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.- 8 พ.ย. 2557

* ความเห็น Retail Research DBS : คาดว่าจะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น เพราะในเดือนต.ค.ชาวจีนจะมีวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติจีน (Golden week)ประเมินว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามามากขึ้นเป็น 8-9 แสนคน/เดือนจากที่ลดลงเป็น 5.6-7.0แสนคน/เดือนนับตั้งแต่ต.ค.56 เป็นต้นมา นอกจากนั้นแผนเพิ่มกำลังการรับผู้โดยสารของ AOTทำให้คาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวได้ตั้งแต่ก.ค.57 เป็นต้นไป และเห็นชัดเจนใน 4Q57 ซึ่งเป็น Highseason ของการท่องเที่ยว ยังคงแนะนำซื้อ AOT โดยให้ราคาพื้นฐาน 237 บาท และแนะนำซื้อ MINT (ราคาพื้นฐาน 40 บาท)

+ ก.พาณิชย์รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.57 เพิ่มสูงสุดในรอบ 15เดือน
* กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.2557 ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 3,343 ราย ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เท่ากับ 41.4 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ที่เท่ากับ 38.4 เป็นการปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 15 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในอนาคต เท่ากับ 45.4 เพิ่มขึ้นจาก 43.7 เดือนก่อน
* แต่...ดัชนีความเชื่อมั่นที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าประชาชนยังไม่เชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ และระมัดระวังการใช้จ่าย เนื่องจากหนี้สินภาคครัวเรือนสูงและรายได้เกษตรกรลดลง เพราะต้นทุนการทำนาสูงขึ้น ราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ เป็นต้น

• การเมือง : คาดโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสนช.วันนี้ และเริ่มประชุมเลย
* นายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่าได้รับการประสานเป็นการภายในเมื่อ 17 ส.ค.57 ว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสนช.ในเช้าวันที่ 18 ส.ค.57 เวลา 09.09 น. และหากเป็นไปตามนี้จะสามารถประชุมสนช.นัดที่ 2 ได้ในวันนี้เวลา 10.00 น. โดยมีวาระการประชุมรับทราบและบรมราชโอการโปรดเกล้าฯ, การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุมสนช., การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญกิจการสนช.(ชั่วคราว) และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!