WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เคเคเทรด : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

SET เป้าหมายถัดไป 1575 จุด
SET View
   แนวโน้ม วันนี้ SET มีโอกาสขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดใหม่บริเวณ 1575 จุดจากการคาดการณ์เชิงบวกต่อสภาพคล่องส่วนเกินโลกที่เพิ่มขึ้นจากการที่ธนาคารกลางยุโรปออกมาตรการเสริมสภาพคล่อง (LTRO) ที่คาดจะมีขึ้นในต้นเดือนก.ย. ด้วยการปล่อยเงินกู้ระยะยาวเป็นกรณีพิเศษให้ธนาคารในยุโรป อย่างไรก็ตาม (1) ตลอดสัปดาห์นี้มีหุ้นราว 60 ตัวจะขึ้น XD อาจมีการปรับพอร์ตของนักลงทุนระยะกลางตามมา (2) สถิติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า SET จะมีการเปลี่ยนทิศทางก่อนและหลังงาน Thailand Focus ราว 1 สัปดาห์ ดังนั้นหาก SET ยังคงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 ส.ค.นี้ ก็มีโอกาสกลับทิศทางตั้งแต่วันสุดท้ายของงาน (29 ส.ค.) และ (3) SET ณ ระดับปัจจุบัน (16.6xP/E’57) ไม่ถูก SET มีโอกาสที่จะผันผวนมากขึ้น
  หากวันนี้ SET ค่อยขยับขึ้นเหมือนช่วง 6 วันที่ผ่านมา ยังมีโอกาสไปต่อเป้าหมายระดับสัปดาห์บริเวณ 1590 จุด (Uptrend Channel) อย่างไรก็ตามหากปรับต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม 1548 จุดจะเสี่ยงต่อโอกาสพักฐาน
   กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน การที่ SET ค่อยขยับขึ้นทำให้หุ้นจะขึ้นแบบสลับตัวสลับกลุ่ม และคาดเดาพฤติกรรมได้ยากมากขึ้น หากปรับตัวขึ้นแรงควรเป็นจังหวะทยอยขายทำกำไรมากกว่า
เข้าไล่ราคา และควรเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าลงทุน หุ้นที่แนะนำเลือกจังหวะเข้าลงทุน ได้แก่
  (1) Top Daily Pick : ITD (ราคาหุ้น laggard กลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ ขณะที่มีโอกาสรับงานโครงการขนาดใหญ่ไม่แพ้คู่แข่ง และซื้อขายถูกกว่าคู่แข่ง (2xP/BV’57 เทียบกับ 2.4x ของ CK และ 4x ของ STEC) และ GFPT (ผลประกอบการ 3Q57 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากฤดูกาลส่งออก ราคาผลิตภัณฑ์ที่ยังทรงตัวระดับสูง และต้นทุนวัตถุดิบทรงตัว กอปรกับโอกาสที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการจากการขยายตลาดในญี่ปุ่นที่ดีกว่าคาด)
  (2) Technical Pick : ICHI BTS MINT ITD ESTAR
  (3) Theme Play : กลุ่มขนส่งและท่องเที่ยว (AAV AOT ERW) เชื่อว่ามาตรการกระตุ้น
การท่องเที่ยว เป็นนโยบายเร่งด่วนสำหรับรัฐบาลชุดใหม่เนื่องจากทำได้ง่ายกว่าและมีผลต่อการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ) และหุ้นที่จะเข้าร่วมงาน Thailand Focus (AAV BANPU BJCHI BLAND CENTEL DTAC ERW HMPRO INTUCH IVL M SPALI PSL PTT)

Fundamental Talk
RATCH น่าสนใจสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า
  1. ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราศึกษา (CKP EGCO GLOW RATCH) ส่วนใหญ่ตอบสนอง
เชิงบวกต่อแผนพัฒนาธุรกิจไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ไปแล้ว โดยราคาหุ้นปรับขึ้นนับจากต้นปีราว 36%-64% มีเพียง RATCH ที่ปรับขึ้นเพียง 26% ใกล้เคียง SET ที่ปรับขึ้น 27% และไม่มี Upside จากมูลค่าเหมาะสมปี 57 แสดงว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้สะท้อนผลประกอบการปี 57 ไปแล้ว จึงควรเป็นจังหวะทยอยขายทำกำไร ช่วงที่จะมีการประกาศแผน PDP ออกมาอย่างเป็นทางการ (คาดเกิดขึ้นเดือนก.ย.หลังการมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่)
  2. หลังจากเปลี่ยนไปใช้มูลค่าที่เหมาะปี 58 คงเหลือเพียง RATCH ที่ยังคงให้อัตราผลตอบแทนคาดหวังมากกว่า 15% และเป็นตัวเดียวที่เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” จากแนวโน้มการเติบโตกำไรปี 58 ที่ 11% และให้อัตราผลตอบแทนปันผลกว่า 5% ต่อปี โดดเด่นกว่ากลุ่ม
   3. CKP แม้แนวโน้มเติบโตใน 7 ปีข้างหน้า (ปี 57-63) จะดีกว่ากลุ่ม โดยคาดว่ามีอัตราการขยายตัวของกำลังการผลิตมากที่สุดเฉลี่ยที่ 16% ต่อปี เทียบกับ EGCO, RATCH และ GLOW ที่มีอัตราการเติบโตเพียง 4.5%, 1.4% และ 0% ตามลำดับ แต่ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนการเติบโตไปแล้วค่อนข้างมาก กอรปกับ ให้อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ค่อนข้างต่ำเพียง 2% ในปี 58 จึงเป็นหุ้นตัวเดียวในกลุ่มที่เราแนะนำ “ขาย”
  เราคงน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าแค่ “เท่ากับตลาด” เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนผลประกอบการปี 57 ไปแล้ว ขณะภาพรวมของกลุ่มมีโอกาสเติบโตของผลประกอบการช่วง 2-3 ปีข้างหน้าการขยายกำลังการผลิตค่อนข้างต่ำ และด้วยโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยโลกกลับสู่ทิศทางขาขึ้นในปี 58 เชื่อว่ากลุ่มนี้จะมีความอ่อนไหวต่อการประเมินมูลค่าค่อนข้างสูง เนื่องจากใช้วิธี DCF ในการประเมินมูลค่าเป็นส่วนใหญ่ แนะนำหาจังหวะทยอยสะสม RATCH เมื่อราคาอ่อนตัวลงมา สำหรับการลงทุนระยะเกินกว่า 12 เดือนขึ้นไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!