WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 6ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ‘บล.ธนชาต’ที่’A-‘แนวโน้ม ‘Stable’

ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A-‘ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’หรือ ‘คงที่’โดยอันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile -- SACP) ของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ‘A/Stable’โดยทริสเรทติ้ง)

ทริสเรทติ้ง ได้ปรับลดอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทลงมาที่ระดับ bbb+’ จากระดับ ‘a-‘เพื่อสะท้อนถึงระดับการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นและส่งผลต่อสถานะเงินทุนของบริษัท ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังคงสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนความสามารถในการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่ง และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัททุนธนชาต

ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บล. ธนชาตมีฐานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัททุนธนชาต ปัจจุบันบริษัททุนธนชาตถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 50.96% ในขณะที่ Scotia Netherlands B.V. (Scotia) และธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 39.94% และ 10% ตามลำดับ

บริษัททุนธนชาตมีอำนาจในการควบคุมกลยุทธ์ทางธุรกิจและนโยบายด้านการเงินของบริษัทโดยผ่านตัวแทนซึ่งมีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริษัท โดยทั้งบริษัททุนธนชาตและ Scotia ต่างก็แต่งตั้งตัวแทนของตนเข้ามาเป็นกรรมการที่ไม่ใช่กรรมการอิสระ (Non-independent Director) จำนวนบริษัทละ 1 คนจากกรรมการทั้งหมด 4 คน นอกจากนี้ บล. ธนชาตยังดำเนินงานภายใต้กรอบการกำกับดูแลของกลุ่มทุนธนชาตเหมือนกับบริษัทลูกอื่นๆ ของบริษัททุนธนชาตอีกด้วย

บริษัทมีบทบาทสำคัญในการเติมเต็มกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจด้านการเงินที่หลากหลายของกลุ่มโดยการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนแบบครบวงจร บริษัทสร้างส่วนแบ่งกำไรให้แก่บริษัททุนธนชาตในสัดส่วน 9.8% ในปี 2564 และ 8.1% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัททุนธนชาตในรูปของวงเงินสินเชื่อซึ่งช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินในเวลาที่จำเป็นอีกด้วย ในขณะที่ทริสเรทติ้งมองว่าชื่อเสียงของบริษัทนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับบริษัททุนธนชาตจากการใช้ชื่อแบรนด์หรือตราสัญลักษณ์บริการร่วมกัน

 

ยังคงรักษาตำแหน่งทางการตลาดที่ดีในกลุ่มลูกค้าสถาบันภายในประเทศเอาไว้ได้

แม้ว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านรายได้ของ บล. ธนชาตในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์นั้นจะลดลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ทริสเรทติ้ง ก็ยังมองว่าบริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง โดยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ลดลงนั้นเป็นผลมาจากการลดลงของปริมาณการซื้อขายในกลุ่มลูกค้าที่มีความอ่อนไหวต่อราคาและในธุรกรรมการซื้อขายขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งก็มองว่าบริษัทยังคงมีความได้เปรียบทางการแข่งขันในกลุ่มลูกค้าสถาบันภายในประเทศโดยเห็นได้จากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากนักลงทุนสถาบันภายในประเทศรายอื่นๆ ซึ่งช่วยรักษาตำแหน่งที่มั่นคงให้แก่บริษัทในกลุ่มลูกค้าดังกล่าว

 

การกระจายตัวของรายได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น

บล.ธนชาตมีพัฒนาการที่ดีในการดำเนินกลยุทธ์การกระจายธุรกิจโดยการขยายไปสู่ธุรกิจต่างๆ ที่ไม่ใช่การลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยเงินสด (Non-cash Equity Businesses) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในระยะปานกลาง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่การลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับ 58% จากระดับ 50% ในปี 2564 และระดับ 33% ในปี 2563

ทั้งนี้ ธุรกิจที่ไม่ใช่การลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยเงินสดของบริษัทประกอบด้วยบริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน (หรือที่เรียกว่า’Zeal’) การขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivatives Warrant) การให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Lending) และการขายกองทุนรวม (Mutual Fund)

 

สถานะเงินทุนอ่อนแอลง

การปรับลดอันดับเครดิตเฉพาะของ บล. ธนชาตสะท้อนถึงการปรับมุมมองของทริสเรทติ้งในการประเมินสถานะเงินทุนของบริษัทเป็นระดับ ‘Adequate’ หรือ ‘เพียงพอ’ จากระดับ ‘Strong’ หรือ ‘แข็งแกร่ง’ เป็นหลักเนื่องจากสถานะเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยง (Risk-adjusted Capital Ratio -- RAC) ซึ่งปรับตัวลดลงสู่ระดับ 15.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จากระดับ 25.3% ณ สิ้นปี 2563 อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่ลดลงอย่างมากเป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 7 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 จาก 3 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2563

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากแผนของบริษัทที่จะคงเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ไว้ที่ประมาณ 7 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับ ‘Adequate’ หรือ 'เพียงพอ' โดยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่คาดการณ์ไว้จะอยู่ที่ระดับประมาณ 13%-14%

 

ยังคงรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไรที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้

ทริสเรทติ้ง ประเมินความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทให้อยู่ในระดับ ‘Strong’ หรือ ‘แข็งแกร่ง’ เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ปรับความเสี่ยง (Risk-adjusted Profitability) อยู่ในระดับที่มั่นคงโดยมีค่าเฉลี่ย 5 ปีของอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Earnings before Taxes to Risk-weighted Assets -- EBT/RWA) สูงกว่า 3.55% (ปี 2563-2567)

ซึ่งในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่มีแนวโน้มที่จะเสริมความแข็งแกร่งและความมั่นคงให้แก่กำไรของบริษัทในช่วงระยะ 2-3 ปีข้างหน้าแม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ก็ตาม

นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดีและให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรสูง (เช่น ธุรกิจให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่กลุ่มลูกค้านักลงทุนสถาบัน) ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 อยู่ที่ระดับ 46.1% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.9% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

นโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่า บล. ธนชาตมีกรอบนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบทั้งในด้านความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิต โดยบริษัทมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ที่ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากการลงทุนโดยบัญชีของบริษัทเองนั้นใช้กลยุทธ์ที่ไม่ผันผวนไปตามตลาดโดยเน้นที่การป้องกันความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเสนอขายเท่านั้น

ส่วนความเสี่ยงด้านเครดิตนั้น บริษัทยังคงรักษาหลักการไม่มีหนี้สูญใดๆ จากการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์แม้ว่าจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในปี 2564 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ก็ตาม โดยข้อจำกัดสูงสุดในการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ต่อลูกค้า 1 รายอยู่ที่ระดับ 25% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ต่อมูลค่าหลักประกันของบริษัทอยู่ที่ระดับ 33% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ภายในของบริษัทที่ระดับ 75% ค่อนข้างมาก

 

สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอ

ทริสเรทติ้ง มองว่า สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทนั้นน่าจะยังคงเพียงพอที่จะรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะปานกลางได้ ทั้งนี้ บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อระยะสั้นจำนวน 5.1 พันล้านบาทจากสถาบันการเงินหลายแห่ง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565

นอกจากนี้ บริษัททุนธนชาตยังให้การสนับสนุนเงินทุนและสภาพคล่องแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านวงเงินสินเชื่อจำนวน 3 พันล้านบาทอีกด้วย โดยที่ประมาณ 90% ของวงเงินดังกล่าวนั้นบริษัทยังไม่ได้เบิกมาใช้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าเงินกู้ยืมระยะสั้นของ บล. ธนชาตที่ผ่านการออกตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 3.3 พันล้านบาท

ซึ่งทั้งหมดนี้บริษัทใช้ไปในการดำเนินธุรกิจให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ แม้ว่าการนำเงินกู้ระยะสั้นมาใช้ในการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์จะเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม แต่การขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญของเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งก่อให้เกิดภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นเป็นผลกระทบในทางลบต่อสถานะเครดิต

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐาน กรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2565-2567 มีดังนี้

  • ส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 3%
  • อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.12%-0.13%
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ที่ระดับประมาณ 48%-50%

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดซึ่งวัดจากส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งให้คงอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะรักษาสถานะเงินทุนไม่ให้อ่อนแอลงมากไปกว่านี้อีกด้วย

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตเฉพาะจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่ออัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 20% อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งของส่วนแบ่งรายได้ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เอาไว้ได้และยังคงมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวต่อไป

ส่วนการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทนั้นยังไม่น่าเป็นไปได้เว้นแต่ในกรณีที่อันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตได้รับการปรับเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจได้รับแรงกดดันหากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทลดต่ำลงเกินกว่าระดับ 12% อย่างต่อเนื่อง

หรือบริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง หรือบริษัทมีความสามารถในการสร้างผลกำไรซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่อ่อนแอลงอย่างมาก ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทยังสามารถเกิดขึ้นได้หากอันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตได้รับการปรับลดลง

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563

 

บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS)

อันดับเครดิตองค์กร:

A-

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

     © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือ     เก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

      ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!