WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BCPชยวฒน โควาวสารชบางจากฯ ตั้งเป้าลงทุนธุรกิจใหม่เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน 50,000 ล้านบาท

     บ้านเมือง : เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จากัด (มหาชน) นำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยี ที่ทันสมัยด้านการผลิตพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ ที่โรงไฟฟ้า Wairakei ขนาด 132 เมกะวัตต์ และ Te Mihi ขนาด 166 เมกะวัตต์ ที่เมือง Taupo ของบริษัท Contact Energy Limited ที่จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์และเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศนิวซีแลนด์ รวมทั้งดูงานด้านอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม ณ เครือรัฐออสเตรเลีย เพื่อแสวงหาโอกาสต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานในต่างประเทศ จากเดิมที่เข้าไปลงทุนในบริษัท Nido Petroleum ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศออสเตรเลีย ที่ทำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น

   นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จากัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปัจจุบันพลังงานมีบทบาทสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศและความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ บริษัท บางจากฯ ในฐานะที่เป็นบริษัทพลังงานของคนไทย มีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ มีแผนขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนแก่กิจการ จึงจำเป็นต้องแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียมและพลังงานทดแทนใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

    "ปัจจุบัน บริษัท บางจากฯ ได้ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ด้วยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัท Nido Petroleum Limited ร้อยละ 82 ผ่านบริษัทย่อย BCP Energy International Pte.Ltd. ซึ่งบริษัท NIDO Petroleum เป็นเจ้าของแหล่งสัมปทาน Galoc ที่มีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 7,000 บาร์เรลต่อวัน โดย NIDO มีส่วนแบ่งน้ำมันดิบร้อยละ 55.88 หรือประมาณ 4,000 บาร์เรลต่อวัน และอยู่ระหว่างการวางแผนขุดเจาะเพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแหล่ง West Linapacan ในประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงมีแหล่งสัมปทานสำรวจที่มีศักยภาพอื่นๆ ทั้งในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย" นายชัยวัฒน์ กล่าว

   สาหรับ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน Green Power Plant ขณะนี้ได้ลงทุนในประเทศไทยรวม 118 เมกะวัตต์ จำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และได้ขยายการลงทุนไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมลงทุนกับ บริษัท เชาว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ ซึ่งบางจากฯ ถือหุ้นร้อยละ 70 และบริษัท เชาว์ฯ ถือหุ้นร้อยละ 30

    นอกจากนี้ บริษัท บางจากฯ ได้วางแผนการลงทุน 6 ปี ระหว่างปี 2558-2563 ในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และธุรกิจ Green Power Plant ทั้งในและต่างประเทศ ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมให้ได้ 20,000 บาร์เรลต่อวัน และขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้า

     จากเซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ ชีวมวล ธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานลม พลังงานความร้อนจากใต้พิภพ ฯลฯ เพิ่มเป็น 500 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ

   นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า การมาศึกษาดูงานที่ประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้มีนโยบายในการส่งเสริมการลงทุนพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งทางทรัพยากรน้ำและพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ สามารถผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนได้ถึงร้อยละ 80 และมีการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี สำหรับการเข้ามาเยี่ยมชมกิจการของบริษัท Contact Energy Limited เพราะเป็นเจ้าของโรงงานผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 11 โรง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ 2 โรง โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 4 โรง และโรงผลิตไฟฟ้าจากความร้อนใต้พิภพ 5 โรง ที่มีขนาดใหญ่และมีกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

    "ด้านพลังงานทดแทน ในประเทศตั้งเป้าเพิ่มการผลิต 60-100 เมกะวัตต์ จากโซลาร์เซลล์ชุมชน ชีวมวล และขยะ ส่วนต่างประเทศจะเป็น 200-300 เมกะวัตต์ มาจากโซลาร์ที่ญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ ซึ่งที่ดูไว้คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะที่อินโดนีเซีย มีพันธมิตรท้องถิ่นสนใจมาพูดคุยแล้วประมาณ 3 ราย"

    นายชัยวัฒน์ ยังกล่าวถึง ความตระหนักในด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และมีมาตรการในการป้องกันและบริหารจัดการด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกบริเวณโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64  มาโดยตลอด และ ในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2558  ปีนี้ บริษัท บางจากฯ จัดให้มีโครงการ "30  วันรวมใจ เลิกใช้โฟมและถุงพลาสติก" รณรงค์ให้พนักงานในบริษัทใช้ถุงผ้า และแบ่งปันถุงผ้าที่เหลือใช้มาบริจาคเพื่อใช้หมุนเวียนในการซื้อสินค้า และอาหารภายในบริษัท สร้างสุขนิสัยทั้งที่ทำงานและที่บ้าน

    บริษัท บางจากฯ มีมาตรการด้านการปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม โดยลงทุนนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการลดการใช้เชื้อเพลิง การลดการใช้ไฟฟ้า และมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ปรับปรุงซ่อมแซมหน่วยกลั่นเพื่อรักษาคุณภาพและลดผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น กลิ่นเหม็น น้ำเสีย และกากของเสีย และทำความสะอาดอุปกรณ์แบบใหม่เพื่อทำให้อุปกรณ์ล้างได้ง่าย สะอาด และปลอดภัยต่อคนทำงานมากขึ้น รวมทั้งมีการปรับปรุงพัฒนาในแต่ละด้าน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การกลั่นน้ำมัน รวมถึงการเป็นสำนักงานสีเขียวที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อร่วมสร้างสังคมสีเขียวให้น่าอยู่และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมรอบข้าง

      ด้านการบริหารจัดการน้ำ มีมาตรการลดการใช้น้ำและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในอาคารสำนักงานและกระบวนการผลิต ได้ติดตั้งหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งเพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดให้สามารถรับปริมาณและความแปรปรวนของคุณภาพน้ำได้เพิ่มขึ้น เพื่อลดปริมาณน้ำทิ้งและน้ำใช้ลง และบำบัดน้ำทิ้งให้มีความสกปรกลดลง สามารถผ่านเข้าระบบรีเวอร์สออสโมซิสทำให้ได้น้ำที่มีคุณภาพดีเทียบเท่าน้ำประปา นำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง และลดกลิ่นจากระบบกำจัดตะกอนและนำน้ำที่ผ่าน

    การบำบัดมาใช้รดน้ำต้นไม้ภายในพื้นที่ โดยในปัจจุบัน บริษัท บางจากฯ สามารถนำน้ำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตได้ในปริมาณร้อยละ 25  และตั้งเป้าถึงร้อยละ 80 ในปี 2563 ด้านคุณภาพอากาศ บริษัท บางจากฯ ว่าจ้างบริษัทภายนอกทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศเป็นประจำทุก 6 เดือน และมีระบบการลดมลสารตั้งแต่ต้นทางด้วยการใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต รวมทั้งมีป้ายแสดงคุณภาพอากาศแสดงอยู่หน้าโรงกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 เพื่อรายงานถึงคุณภาพอากาศและน้ำในการดำเนินงานของโรงกลั่นว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด

      สำหรับ การใช้พลังงาน บริษัท บางจากฯ มีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Saving) โดยการนำความร้อนเหลือทิ้งกลับมาใช้ผลิตไอน้ำ ผลิตไฟฟ้า เพื่อช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตลง รวมทั้งมีแผนทาสารเคลือบภายในผนังเตาในกระบวนการผลิต (Heater Efficiency Improvement) ซึ่งสามารถลดการสูญเสียความร้อน และสะท้อนความร้อนดังกล่าวกลับเข้าระบบ อีกทั้งมีแผนหยุดเดินหม้อต้มไอน้ำเก่า (Boiler) ซึ่งใช้น้ำมันเตา (Fuel Oil) เป็นเชื้อเพลิงส่วนหนึ่ง มาใช้โรงไฟฟ้าพลังงานร่วม(Co-Generator) แทน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า และใช้ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งแผนดังกล่าวนี้สามารถช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงในระบบ

     และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมในการเป็นสำนักงานสีเขียว หรือ Green Office  บริษัท บางจากฯ มีการบริหารจัดการและดำเนินงานผ่านเกณฑ์มาตรฐานสำนักงานสีเขียวในระดับดีเยี่ยมของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทั้ง 7 มิติ ประกอบด้วย การบริหารจัดการองค์กร การดำเนินงาน Green Office  การใช้พลังงาน ทรัพยากร การจัดการของเสีย สภาพแวดล้อม การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์สำนักงาน และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

   สำหรับ กิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานในองค์กร บางจากฯ ร่วมมือร่วมใจลดใช้พลังงานทั้งองค์กร โดยเข้าร่วมการแข่งขันสุดยอดอาคาร สำนักงาน รวมใจประหยัดพลังงาน หรือ SOS Featuring Energy 2013  โดยกระทรวงพลังงาน ซึ่งบริษัท บางจากฯ มีการดำเนินงานผ่านเกณฑ์ครบ 3 ด้าน คือ การประหยัดไฟฟ้าในอาคาร การส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟ และการรณรงค์สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์พลังงาน และได้รับรางวัลดีเด่นประเภทอาคารประหยัดพลังงาน และพนักงานเกิดจิตสำนึกในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!