WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Cสรรพากรสรรพากร จัดเก็บรายได้ครึ่งแรกพลาดเป้าคลังจี้ขยายฐานรีดภาษีเพิ่ม

   แนวหน้า : 'คลัง'เร่งขยายฐานภาษี ระบุตัวเลขผู้เสียภาษีบุคคลธรรมดา แค่ 10 ล้านคนน้อยไป จากข้อเท็จจริง น่ามีไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านคน

    นายประภาศ คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง กลุ่มภารกิจด้านรายได้ เปิดเผยว่า การเก็บภาษีของกรมภาษีปีงบประมาณ 2559 คาดว่าจะทำได้ตามเป้า โดยเฉพาะการเก็บภาษีของในส่วนของ กรมสรรพากร แม้ว่าครึ่งปีแรกงบประมาณยังเก็บภาษีต่ำกว่าเป้ากว่าหมื่นล้านบาท แต่การเก็บภาษีของกรมสรรพากรยังขยายฐานภาษีในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มและบุคคลธรรมดาได้อีกมาก

    ทั้งนี้ จากการออกมาตรการช็อปปิ้งและรับประทานอาหารมาหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา พบว่ายังมีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้าได้ ทั้งที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท ต่อปี และต้องจดทะเบียนเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร แสดงให้เห็นว่ายังมีผู้ประกอบการที่อยู่นอกระบบภาษีมูลค่าเพิ่มอีกจำนวนมากที่กรมสรรพากรจะต้องดึงเข้ามาในระบบให้ถูกต้อง รวมถึงหากมีการออกมาตรการนี้อีกในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มเงื่อนไขว่าผู้ที่ได้สิทธิจะต้องยื่นแบบอินเตอร์เนต เพื่อจูงใจให้ผู้เสียภาษีใช้ระบบเทคโนโลยีในการเสียภาษีมากขึ้นไปพร้อมกันด้วย

    นอกจากนี้ ในส่วนของเสียภาษีบุคคลธรรมดาพบว่า มีผู้ยื่นแบบ 10.7 ล้านคน จากประชากรของประเทศกว่า 70 ล้านคน ซึ่งถือว่าน้อย เนื่องจากกฎหมายของกรมสรรพากรกำหนดว่าผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาทต่อปีต้องยื่นแบบเสียภาษีกับ กรมสรรพากร ซึ่งควรผู้ยื่นแบบไม่ต่ำกว่า 30-40 ล้านคน ซึ่งกรมสรรพากรยังสามารถขยายฐานการเก็บภาษีบุคคลธรรมดาได้อีกมาก จากปัจจุบันมี ผู้ยื่นแบบและเสียภาษี 6 ล้านคนเท่านั้น

   "กรมสรรพากรต้องขยายฐานการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและบุคคลธรรมดาที่ยังอยู่นอกระบบจำนวนมาก หากทำได้การเก็บภาษีก็จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการเก็บภาษีต้องทำไปควบคู่กับการสร้างวินัยและสำนึกในการเสียภาษีด้วย"

    นายประภาศ กล่าวว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษี โดยให้ทั้งสามกรมภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เชื่อมโยงข้อมูลกันอย่างแท้จริงเพื่อทำให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพและลดการรั่วไหลให้ลดลง นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับมาตรการทำบัญชีเดียว และการทำระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเพย์เม้นท์ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญทำให้การเก็บภาษีของประเทศ ดีขึ้นอย่างมาก

    ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้รายงานผลการเก็บรายได้ของรัฐบาลในรอบครึ่งปีแรกของงบประมาณ 2559 มีจำนวน 1.01 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6.44 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีเงินจากการประมูลคลื่นโทรศัพท์ 4 G เข้ามาจำนวนมาก

    ในส่วนของการเก็บภาษีของกรมสรรพากรได้ 7.57 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 3.41 หมื่นล้านบาท กรมสรรพสามิต เก็บได้ 2.49 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 8,900 ล้านบาท และกรมศุลกากร 6.03 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 2,200 ล้านบาท

    สำหรับ เป้าหมายการเก็บภาษีของปีงบประมาณ 2559 กรมสรรพากรมีจำนวน 1.89 ล้านล้านบาท กรมสรรพสามิต 4.96 แสนล้านบาท และกรมศุลกากร 1.11 หมื่นล้านบาท

    มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆนี้ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.)เสนอให้รัฐบาลมีการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกินจากเกณฑ์มาตรฐานสุขภาพ เช่น น้ำอัดลม ชาเขียว เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น ในอัตรา 20-25% เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพของประชาชน เพื่อทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี

    โดยปัจจุบันคนไทยบริโภคน้ำตาลเกิน มาตรฐาน ซึ่งบริโภคน้ำตาลสูงสุดเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ทั้งนี้ ปริมาณเครื่องดื่มสำเร็จรูปต่างๆ ที่วางจำหน่ายนั้นมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยอยู่ที่ 9-19 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ทั้งที่ค่าน้ำตาลเหมาะสมอยู่ที่ 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จึงควรเพิ่มภาษีสำหรับเครื่องดื่มดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า ข้อเสนอสปท. ยังมาไม่ถึงกระทรวงการคลัง ซึ่งเมื่อมาถึงแล้วจะพิจารณาอีกครั้ง

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!