WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8625 ข่าวสดรายวัน


พ่ายยับ 7-1 บราซิลรํ่าไห้ทั้งปท. 
แฟนบอลจลาจล ลุยซ์ขอโทษทำแพ้ สร้างสถิติยอดแย่ เยอรมันคึกเข้าชิง โคลเซ่ดาวยิงโลก


ดาวยิง - มิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าทีมอินทรีเหล็ก ซัดบอลตุงตาข่าย สร้างสถิติใหม่ดาวยิงสูงสุด 16 ประตูในบอลโลก ในเกมนัดตัดเชือกกับทีมบรา ซิล ผลเยอรมันชนะถล่มทลาย 7-1

     แฟนบอลแซมบ้าร่ำ ไห้ทั้งประเทศ หลังพ่าย "อินทรีเหล็ก"เยอรมันยับเยิน 1-7 หมดลายแชมป์โลก 5 สมัย หลายเมืองเผาธงชาติ วางเพลิง พังทำลายร้านค้า เมืองชายหาดชื่อดังปล้นนักท่องเที่ยว "บิ๊กฟิล"กุนซือวัย 65 ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ระบุเลวร้ายที่สุดในชีวิตกุนซือ การขาด "เนย์มาร์"ไม่ใช่ข้อแก้ตัว "ดาวิด ลุยซ์"ร่ำไห้มีส่วนทำให้ทีมแพ้ "เลิฟ" ช็อกกับผลการแข่งขัน เตือนลูกทีมอย่า หลงระเริงงานยังไม่จบ ยังมีนัดสำคัญรออยู่ "โคลเซ่"ทำสำเร็จสร้างสถิติดาวยิงบอลโลกตลอดกาล 16 ประตู 

แชมป์5สมัยตัดเชือกแชมป์3สมัย

       "อินทรีเหล็ก"เยอรมันช็อกโลก ถล่ม "แซมบ้า"บราซิลแบบไม่เกรงใจเจ้าภาพ การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รอบรองชนะเลิศคู่แรกที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา เมืองเบโล ฮอริซอนเต้ เมื่อเวลา 03.00 น. หลังเที่ยงคืน วันอังคารที่ 8 ก.ค. ตามเวลาประเทศไทย "แซมบ้า"บราซิล เจ้าภาพ แชมป์โลก 5 สมัย พบกับ "อินทรีเหล็ก"เยอรมัน แชมป์โลก 3 สมัย

       เกมนี้บราซิลต้องขาดเนย์มาร์ กองหน้าคนสำคัญที่บาดเจ็บ และติอาโก้ ซิลวา ปราการหลังกัปตันทีมติดโทษแบน หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ต้องส่งเบอร์นาร์ด ลงล่าตาข่ายร่วมกับ ออสการ์, เฟร็ด และ ฮัล์ก ขณะที่เกมรับส่งดานเต้ กองหลังบาเยิร์น มิวนิก ลงยืนเซ็นเตอร์ร่วมกับดาวิด ลุยซ์ ที่สวมปลอกแขนกัปตันทีม

      ด้านโยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์อินทรีเหล็ก ไม่มีปัญหาเรื่องการจัดทีม ส่งมิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าจอมเก๋าลงตาข่ายเป็นตัวจริงนัดที่สองติดต่อกัน เพื่อไล่ล่าสถิติดาวยิงสูงสุดฟุตบอลโลก ซึ่งดาวยิงเชื้อสายโปแลนด์ทำไว้แล้ว 15 ประตู เท่ากับโรนัลโด้ ตำนานดาวยิงบราซิล ประสานงานกับโธมัส มุลเลอร์ และเมซุต โอซิล ขณะที่ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ๊กขวาเป็นกัปตันทีม

"โคลเซ่"ทำสถิติดาวยิงโลก 

ครึ่งแรก บราซิลเปิดฉากบุกใส่ทันที ได้ลุ้นทักทายก่อนตั้งแต่ 3 นาทีแรก จากจังหวะมาร์เซ่โล่แต่งบอลเข้าเท้าซ้ายก่อนซัดจากหน้าเขตโทษ บอลหลุดกรอบออกไป เข้าสู่นาที 11 กลายเป็นแฟนบอลอินทรีเหล็กได้ เฮลั่น จากจังหวะเตะมุม โทนี่ โครส เปิดไปหน้าเขตโทษ โธมัส มุลเลอร์ ยืนไร้ตัวประกบแปโล่งๆ เข้าไป เยอรมันขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0

หลังจากโดนนำแต่หัววัน บราซิลเร่งทำเกมบุกแต่ยังหาโอกาสจะจะไม่ได้ นาที 23 แฟนบอลเจ้าภาพได้ช็อกกันอีกครั้ง เมื่อเยอรมันหนีเป็น 2-0 จากจังหวะ โทนี่ โครส แทงบอลเข้ากลาง โธมัส มุลเลอร์ ตอกส้นส่งบอลคืนให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ วิ่งมากดติดเซฟ ฮูลิโอ เซซาร์ จังหวะแรก ก่อนตามยิงซ้ำอีกทีไม่เหลือซาก ทำให้โคลเซ่กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดคนใหม่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกด้วยผลงาน 16 ประตู

นาทีต่อมาเกมรุกของเยอรมันยังคงเฉียบขาดซัดเพิ่มเป็น 3-0 หลังจากผู้เล่นแซมบ้าโดนฉกบอลไปดื้อๆ ฟิลิปป์ ลาห์ม ลากขึ้น มาริมเส้นฝั่งขวาเปิดเข้ากลาง โธมัส มุลเลอร์ วิ่งมาซัดไม่โดนบอล แต่ลูกไหลต่อไปเข้าทางโทนี่ โครส กดเต็มข้อตุงตาข่าย หลังเสียประตูติดๆ กันกองหลังบราซิลป่วนไปหมด เยอรมันไม่รอช้าฉวยโอกาสเดินหน้าเพิ่มสกอร์นำห่างเป็น 4-0 ในนาที 26 โทนี่ โครส หลุดเข้าไปทำชิ่งจ่ายให้ซามี่ เคดิร่า ก่อนแตะคืนให้โครสกดเข้าไปง่ายๆ

เจ้าภาพโดน 5 ลูกใน 28 นาที

เจ้าภาพยังช็อกไม่เลิก นาที 29 เมซุต โอซิล ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษก่อนไหลเข้ากลางให้ซามี่ เคดิร่า ยิงตุงตาข่าย เยอรมันหนีห่าง 5-0 แบบไม่มีใครคาดคิด และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ 

กลับมาครึ่งหลัง บราซิลรีบแก้เกม ส่ง รามิเรส และเปาลินโญ่ ลงแทนฮัล์ก กับเฟอร์นันดินโญ่ ส่วนเยอรมันเปลี่ยนเพอร์ แมร์เต ซักเกอร์ ลงมาแทนมัตส์ ฮุมเมิลส์ รูปเกมเป็นเจ้าภาพที่เดินเครื่องบุกหนักหวังได้ประตูคืนโดยเร็ว ขณะที่เยอรมันเน้นเกมรับ นาที 52 เจ้าถิ่นได้ลุ้น เฟร็ดแทงบอลให้รามิเรส หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนตบเข้ากลาง แต่มานูเอล นอยเออร์ พุ่งออกมาตัดบอลได้ทันก่อนถึง ออสการ์ ถัดมานาทีเดียว บราซิลได้ลองอีกครั้งจากลูกยิงของออสการ์แต่ไม่ผ่านนอยเออร์

เยอรมันไม่ไว้หน้าเจ้าภาพ 7-1

นาที 54 เปาลินโญ่พาบอลหลุดเดี่ยว เข้าเขตโทษก่อนกดเต็มข้อ แต่นายด่านอินทรีเหล็กทุบทิ้งได้ทัน บอลยังมาเข้าทางเปาลินโญ่ยิงซ้ำอีกทีแต่นายทวารจากบาเยิร์น มิวนิก ยังไวปัดออกหลังได้อีก นาทีที่ 58 อินทรีเหล็กส่งอังเดร ชูร์เล่ ลงแทนโคลเซ่ นาที 62 เยอรมันมีเสียวจากจังหวะโต้กลับ โธมัส มุลเลอร์ ส่องด้วยขวาหน้าเขตโทษ แต่เซซาร์บินปัดทิ้งได้ทัน

เกมบีบหัวใจกองเชียร์เจ้าถิ่นเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งนาที 69 บราซิลช้ำหนัก เมื่อเยอรมันทำประตูที่ครึ่งโหล ฟิลิปป์ ลาห์ม เติมเกมขึ้นมาเปิดบอลเรียดไปหน้าประตูิ อังเดร ชูร์เล่ ตัวสำรองยิงเข้าไปง่ายๆ นาทีที่ 74 แซมบ้าเปลี่ยนเอาวิลเลี่ยนลงแทนเฟร็ด ที่โดนแฟนบอลโห่ไล่เกือบทั้งเกม

นาทีที่ 79 เยอรมันยิงเพิ่มเป็น 7-0 จาก อังเดร ชูร์เล่ คนเดิมรับบอลจากมุลเลอร์ ในกรอบเขตโทษทางซ้ายก่อนยิงเช็ดใต้คานเสาแรกเข้าไปตุงตาข่าย ช่วงท้ายเกมนาที 90 เจ้าภาพได้ประตูปลอบใจ จากจังหวะเปิดบอลยาวขึ้นหน้า ออสการ์รับบอลลงแตะหลบเฌอโรม บัวเต็ง ก่อนซัดผ่านนอยเออร์เข้าไป หมดเวลาเยอรมันถล่มบราซิลแบบไม่ไว้หน้าเจ้าภาพ 7-1 เข้ารอบชิงชนะเลิศไปรอพบผู้ชนะระหว่าง "กังหันสีส้ม"ฮอลแลนด์ กับ "ฟ้าขาว"อาร์เจนตินา ในวันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค. ส่วนบราซิลไปรอชิงที่ 3 กับทีมที่แพ้ ในวันเสาร์ที่ 12 ก.ค.นี้ 


ประตูแรก- โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าเยอรมันซัดประตูผ่านมือ ฮูลิโอ เซซาร์ นายทวารบราซิล ส่งทีมอินทรีเหล็กขึ้นนำ ก่อนเปิดฉากไล่ถล่ม จบเกม 90 นาที ชนะไปด้วยสกอร์ 7-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลโลก 2014

บราซิลทำลายสถิติยอดแย่เพียบ

ผลการแข่งขันนัดนี้ถือเป็นความปราชัยยับเยินที่สุดของประวัติศาสตร์ฟุตบอลบราซิลในรอบ 94 ปี นับตั้งแต่พ่ายต่ออุรุกวัย 0-6 ศึกโคปาอเมริกา ปี 1920

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี ที่บราซิลแพ้คาบ้านตัวเอง หลังจากเคยพ่ายเปรู 1-3 รอบตัดเชือกศึกโคปาอเมริกา ปี 1975 และความปราชัยครั้งนั้นก็เกิดขึ้นที่เมืองเบโล ฮอริซอนเต้ แห่งนี้

ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นครั้งแรกของบราซิลที่เสียประตูมากที่สุดถึง 7 ลูกในฟุตบอลโลก แต่สำหรับรายการอื่นเคยโดนยิง 8-4 นัดกระชับมิตรกับยูโกสลาเวียปี 1934 และฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้ ทีมแซมบ้าเสียไป 11 ประตู เท่ากับสถิติแย่ที่สุดในปี 1938

ขณะเดียวกันถือเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ที่เกมรอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลโลกจบลงด้วยผลต่างประตู 5 ลูกขึ้นไป ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นรอบตัดเชือกของปี 1954 เยอรมันตะวันตกชนะออสเตรีย 6-1 และฮังการีชนะสวีเดน 6-1 ในปี 1938 อีกทั้งยังเป็นความปราชัยรอบรองชนะเลิศครั้งแรกของบราซิลในรอบ 76 ปี ครั้งหลังสุดแพ้อิตาลี 1-2 ปี 1938 

"โคลเซ่"สร้างหลายตำนานบอลโลก

ทางด้านมิโรสลาฟ โคลเซ่ กองหน้าวัย 36 ปีของเยอรมัน นอกจากขึ้นแท่นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ด้วยการทำ 16 ประตูมากกว่าโรนัลโด้ ตำนานดาวยิงบราซิลที่เคยทำได้ 15 ประตู โคลเซ่ยังเป็นนักเตะรายแรกที่ได้ลงเล่นรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 4 ครั้ง และเก็บชัยชนะในฟุตบอลโลกได้ 16 นัด เท่ากับคาฟู อดีตฟูลแบ๊กทีมชาติบราซิล รวมทั้งยังทำสถิติลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไปแล้ว 23 นัด เทียบเท่า เปาโล มัลดินี่ ตำนานกองหลังอิตาลี เป็นรองเพียง โลธาร์ มัตเธอุส อดีตกัปตันทีมอินทรีเหล็ก แต่แซงหน้าทั้ง คาฟูและมัตเธอุสในการลงเล่นรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกด้วยจำนวน 13 นัด

ส่วนประตูของโธมัส มุลเลอร์ ถือเป็นประตูที่ 2,000 ของทีมชาติเยอรมันทุกรายการ นับตั้งแต่ฟริตซ์ เบ๊กเกอร์ ทำประตูแรกในปี 1908 ขณะเดียวกันชัยชนะด้วยผลต่าง 6 ลูกเกมนี้ ยังเทียบเท่าสถิติชนะด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดเป็นอันดับสองของทีมในฟุตบอลโลก หลังถล่มเม็กซิโก 6-0 ปี 1978 แต่สถิติชนะขาดที่สุดคือตอนยิงสลุตซาอุดี อาระเบีย 8-0 ปี 2002

ขณะที่โยอาคิม เลิฟ กุนซือมาดเนี้ยบพาทีมเยอรมันคว้าชัยในฟุตบอลโลกเป็นนัดที่ 10 และในประวัติศาสตร์ทีมชาติ มีเพียง เฮลมุต เชิน ตำนานกุนซืออินทรีเหล็กที่ทำได้มากกว่า

เยอรมันเข้าชิงครั้งที่ 8แซงบราซิล

เยอรมันผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 8 กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล แซงบราซิลที่ทำไว้ 7 ครั้ง โดยเป็นการกลับมาลุ้นแชมป์ลูกหนังโลกหนแรก นับตั้งแต่เข้าชิงเมื่อปี 2002 ที่โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งครั้งนั้นแพ้นักเตะแซมบ้า 0-2 ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการถอนแค้น และพลพรรคอินทรีเหล็กหวังจะยุติการรอคอย 24 ปี คว้าแชมป์โลกมาครองให้ได้ นับตั้งแต่ทำได้ครั้งหลังสุดปี 1990

บิ๊กฟิลยอมรับเลวร้ายที่สุดในชีวิต

หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือเจ้าภาพ ให้สัมภาษณ์หลังพ่ายแพ้แบบหมดสภาพว่า "นี่เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม ต้องขอโทษชาวบราซิลและแฟนบอลทุกคนสำหรับผลการแข่งขันนัดนี้ แต่ผมคิดว่าเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว โปรดให้อภัยกับความผิดพลาดของเราด้วย เราเสียใจที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ขอขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจยามที่เราแพ้ ผมต้องรับ ผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นคนตัดสินใจเลือกนักเตะและแท็กติกการเล่น หลังเสียประตูแรกทุกอย่างก็เริ่มไม่เป็นไปตามแผน นี่คือความพ่ายแพ้ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติ ศาสตร์ แต่เราก็ต้องเดินหน้าต่อไป"

ผู้จัดการทีมวัย 65 ปี ระบุการขาดเนย์มาร์ไม่ใช่ข้อแก้ตัว และยังหวังคว้าอันดับ 3 เป็นรางวัลปลอบใจ "พวกเราไม่ต้องการให้เนย์มาร์เป็นข้อแก้ตัวในแมตช์นี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเยอรมันเป็นผู้กำหนด พวกเขาควบคุมเกมได้หลังขึ้นนำเร็ว และไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเนย์มาร์ ทั้งนั้นจากนี้ไปเราจะพิจารณาหาข้อผิดพลาดเพื่อแก้ไขตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องปกติกับการเสีย 4 ประตูใน 6 นาทีแต่มันเกิดขึ้นได้ แม้แต่เยอรมันเองก็แทบไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้น บรรยากาศในห้องแต่งตัวหดหู่มาก แต่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เรียกขวัญกำลังใจกลับมาเมื่อเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมวันเสาร์ ชีวิตต้องเดินต่อไป มันจะไม่จบลงไปกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ เราจะกอบกู้ศักดิ์ศรีของทีมกลับคืนมาในการชิงอันดับ 3 ที่บราซิเลีย"


บนแพ้ยับ - ติอาโก้ ซิลวา ปลอบใจ ดาวิด ลุยซ์ เพื่อนร่วมทีมชาติบราซิล ที่ร้องไห้เสียใจหลังโดนทีมเยอรมัน ไล่ถลุง แพ้ยับเยินถึง 7 ประตูต่อ 1 ในเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเอสตาดิโอ มิเนเรา

ล่างจลาจล - สภาพรถบัสหนึ่งในหลายคันในเมืองเซา เปาโล ของบราซิล ถูกแฟนบอลจุดไฟเผาจนวอด ด้วยความโกรธแค้นหลังทีมชาติบราซิล ถูกทีมชาติเยอรมันถล่มเอาชนะไป 7-1 ตกรอบฟุตบอลโลก

"ดาวิด ลุยซ์"หลั่งน้ำตาขอโทษ

ด้านดาวิด ลุยซ์ กองหลังที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนติอาโก้ ซิลวา หลั่งน้ำตาขอโทษต่อชาวบราซิล หลังโชว์ฟอร์มย่ำแย่จนแพ้ยับเยิน โดยระบุว่า "ผมแค่ต้องการทำให้ทุกคนมีรอยยิ้ม แต่โชคร้ายที่เราทำไม่ได้ ผมขอโทษทุกคน ขอโทษชาวบราซิล พวกเราทุกคนรู้ดีว่าเกมนี้มันสำคัญแค่ไหนสำหรับผมในการทำให้ชาวบราซิลทุกคนมีความสุข อย่างน้อยก็เรื่องของฟุตบอล อย่างไรก็ตาม เยอรมันทำได้ดีกว่า เล่นได้ดีกว่าและเตรียมตัวมาดีกว่าจริงๆ เป็นวันที่น่าเศร้ามาก แต่ก็เป็นวันที่เราได้บทเรียน"

ขณะที่ฮูลิโอ เซซาร์ นายทวารจอมเก๋า กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายกับผลการแข่งขันที่ออกมา ขอขอบคุณแฟนบอลแซมบ้า ที่ให้กำลังใจมาตลอด แต่ไม่สามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ นักเตะทุกคนต้องขอโทษจากใจจริง แต่เยอรมันแข็งแกร่งมากๆ ต้องยอมรับเรื่องนี้ หลังเสียประตูแรก เกมของบราซิลชอร์ตไปดื้อๆ ไม่มีใครคาดคิดว่าต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ 

สื่อจวกยับมันคือความอัปยศ

สื่อบราซิล รุมจวกยับกับฟอร์มการเล่นของขุนพลแซมบ้า พร้อมใจพาดหัวและรายงานข่าวทำนองเดียวกันว่า ทำผลงานน่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังของประเทศ 

โฟญ่า เดอ เซาเปาโล หนังสือพิมพ์รายวันที่ทรงอิทธิพลที่สุดในบราซิล พาดหัวใหญ่พร้อมสกอร์ว่า "โศกนาฏกรรมหมู่" ขณะที่คอร์เรโอ บราซิเลียนเซ่ ระบุ "เป็นความอัปยศชั่วกาลนิรันดร์" 

ด้านลันเซ่ พาดหัวคล้ายกันว่า "ความอัปยศแห่งประวัติศาสตร์" เมื่อเทียบกับความปราชัยต่ออุรุกวัย 1-2 ที่มาราคาน่า เมื่อปี 1950 กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย

แฟนบอลกระหน่ำทวีต-เฟซบุ๊ก

บรรดาแฟนบอลบราซิลต่างรู้สึกช็อกกับความปราชัยยับเยินที่สุดในรอบเกือบ 100 ปีของทีมชาติ โดยทวีตข้อความแสดงความรู้สึกระหว่างเกมถึง 35.6 ล้านข้อความ เป็นสถิติสูงสุดแซงสถิติตอนที่ชาวอมเมริกันแข่งขันซูเปอร์โบว์ลเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการทวีตระหว่างเกม 25 ล้านความเห็น ขณะที่เฟซบุ๊กก็มีการโพสต์และแชร์ความเห็นกว่า 200 ล้านข้อความ ระหว่างแมตช์ที่มีผู้ชมทั่วประเทศกว่า 60 ล้านคน ถือเป็นสถิติตัวเลขสูงสุดเช่นกัน

"เปเล่"ปลอบใจไปแชมป์ที่รัสเซีย

บรรดาคนดังวงการลูกหนังบราซิลต่างออกมาแสดงความเห็นกับเกมนัดนี้ จูนินโญ่ อดีตกองกลางทีมชาติบราซิล กล่าวว่า "มันคงเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาเหมือนเดิม นักเตะบางคนอาจไม่คิดจะกลับมาสวมเสื้อทีมชาติบราซิลอีก มันเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่จะวิจารณ์นักเตะตอนนี้ ส่วนเรื่องในสนาม เยอรมันสอนเราว่าฟุตบอลต้องเล่นอย่างไร เราต้องเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด"

"ไข่มุกดำ"เปเล่ ตำนานลูกหนังโลกผู้คว้าแชมป์โลกกับบราซิล ปี 1958, 1962 และ 1970 โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ "เราจะไปคว้าแชมป์โลกสมัย 6 ที่รัสเซีย ขอแสดงความยินดีด้วยกับเยอรมัน ผมเคยบอกเสมอว่าโลกฟุตบอลมีแต่เรื่องประหลาดใจ ไม่มีใครในโลกที่คิดว่าสกอร์จะออกมาแบบนี้"

ไกเซอร์ฟรานซ์"มันเหลือเชื่อ"

ขณะที่ ฟรานซ์ เบ๊กเค่นบาวร์ ตำนานแข้งอินทรีเหล็ก ผู้นำเยอรมันเป็นแชมป์โลกทั้งในฐานะนักเตะและกุนซือ ตะลึงกับผลการแข่งขัน "สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร มันเหลือเชื่อเลย"

อเลฮานโดร ซาเบญ่า กุนซืออาร์เจนตินา ให้ความเห็นว่า "7-1 ไม่ใช่ผลการแข่งขันที่ปกติสำหรับการพบกันของสองมหาอำนาจลูกหนัง แต่มันสามารถเกิดเรื่องแบบนี้ได้ในการแข่งขันฟุตบอล บางสิ่งที่คุณไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมมันถึงงดงาม"

เซ็ปป์ แบล็ตเตอร์ ประธานฟีฟ่า กล่าวว่า "ต้องขอชื่นชมมิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่สามารถยิงประตูที่ 16 ในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันแล้ว"

เลิฟความรู้สึกเหมือนปี 2006

โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ของเยอรมัน ไม่คาดคิดว่าจะชนะขาดขนาดนี้ และเข้าใจดีว่าแฟนบอลแซมบ้ารู้สึกเจ็บปวดที่พลาดเข้าชิง เหมือนกับตอนที่อินทรีเหล็กเคยได้ประสบมาเมื่อปี 2006 ในรอบรองชนะเลิศ

เลิฟกล่าวว่า "เรารู้สึกช็อกไม่น้อยกับสิ่งเกิดขึ้น และนั่นก็ถือเป็นประสบการณ์แบบเดียวกับที่เคยเจอเมื่อปี 2006 พวกเขาคงตั้งตัวไม่ถูก และไม่คิดว่าจะเป็นฝ่ายตามหลัง ทว่าจากนั้นมันก็กลายเป็นเกมที่ง่ายสำหรับเราไปเลย เราคาดหวังมากเมื่อปี 2006 และรู้สึกกดดันเมื่อต้องลงสนามในฐานะเจ้าภาพ ซึ่งผมเข้าใจดีว่าตอนนี้สโคลารี่ และนักเตะบราซิลรู้สึกอย่างไร"

กุนซือวัย 54 ปี ยังพอใจกับฟอร์มของลูกทีม แต่เตือนอย่าหลงระเริงฉลองมากเกินไป ต้องเรียกสมาธิกลับมาเตรียมพร้อมสำหรับนัดชิงชนะเลิศที่สนามมาราคาน่า วันอาทิตย์ที่ 13 ก.ค.นี้

เตือนงานยังไม่จบอย่าเหลิง

"การที่เราได้ประตูอย่างรวดเร็วถึง 5 ลูก มันชัดเจนว่าคงทำให้บราซิลช็อกและไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ นักเตะของเราทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมและมุ่งมั่น การประสานงานเติมเกมรุกทำได้สุดยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องรู้จักตัวเอง ไม่ทะนงตัว เราต้องระมัดระวังและต้องมีสมาธิจนถึงเกมสุดท้าย" 

เลิฟกล่าวยกย่องโคลเซ่ ด้วยว่า ถือเป็นเรื่องยอดเยี่ยมสำหรับโคลเซ่ เพราะการทำประตูได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เป็นสิ่งที่มีความพิเศษสุดๆ แม้จะอายุ 36 ปีแล้ว แต่ยังเล่นได้ในระดับสูง และอันตรายมากในจังหวะเข้าทำประตู

โคลเซ่เผยเหตุไม่ตีลังกาฉลอง

ด้านมิโรสลาฟ โคลเซ่ แสดงความมั่นใจเยอรมันมีศักยภาพพร้อมคว้าแชมป์โลก "เราเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นกันเป็นทีม ตอนซ้อมเราก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น สมัครสมานสามัคคี มันสำคัญเรื่องการเล่นลูกตั้งเตะ คุณเห็นในวันนี้อีกครั้งตอนที่เราได้ประตูแรกจากลูกเตะมุม โทนี่ โครส เปิดบอลไปยังจุดนัดหมาย นั่นคือจุดแข็งของเราอย่างแท้จริง ผมไม่ได้ตีลังกาดีใจ หลังยิงประตู เพราะมีคนเตะเข้าที่เท้าตอนผมยิง ตอนนี้เราต้องรักษาฟอร์ม ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อคว้าถ้วยแชมป์โลกให้ได้"

ส่วนโธมัส มุลเลอร์ กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจที่ทีมถล่มเจ้าภาพเละเทะง่ายดายขนาดนี้ จากแมตช์นี้ก็แสดงให้เห็นว่าเกมแต่ละนัดมีความแตกต่างกันแค่ไหน บราซิลเล่นแตกต่างไปจากทีมที่เน้นตั้งรับ และเราก็ฉวยความได้เปรียบนี้เอาไว้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก

ไม่มีใครเป็นแชมป์ในรอบรอง

โทนี่ โครส แมนออฟเดอะแมตช์ ระบุว่า เรามาที่นี่เพื่อเป็นแชมป์โลก แต่ไม่มีใครเป็นแชมป์โลกได้ในรอบรองชนะเลิศ และยังมีอีกก้าวที่สำคัญและยากมาก นี่คือความรู้สึกในห้องแต่งตัวของเรา แม้ชนะรอบรองฯ ฟุตบอลโลกได้ถึง 7-1 แต่ยังมีอีกแมตช์ที่เราต้องเค้นฟอร์มสุดยอดออกมา ไม่เช่นนั้นเราก็จะแพ้ในนัดชิงฯ อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่าเราจะชนะ

สื่อเมืองเบียร์ ไม่อยากเชื่อกับสกอร์ที่ออกมา และดีใจที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้ หนังสือ พิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง "บิลด์" พาดหัวว่า "7-1 บ้าไปแล้ว เยอรมันน็อกบราซิล" ส่วน "ดี เวลต์" ระบุว่า "อาร์เจนตินา หรือฮอลแลนด์ ไม่มีใครสนแล้ว ตอนนี้เยอรมัน คือตัวเต็ง" พร้อมเสริมอีกว่า "ปาฏิหาริย์แห่งเบโล ฮอริซอนเต้ กลายเป็นตำนานแล้ว" ด้านแฟรงก์เฟอร์เตอร์ อัลเกไมเน่ ไซตุง ลงรูปโคลเซ่ และโครส พร้อมพาดหัว "7 มหัศจรรย์แห่งฟุตบอล"

แฟนบอลแซมบ้าคลั่งก่อจลาจล

เอเอฟพีรายงานว่า ภายหลังจากบราซิลพ่ายแพ้ให้กับเยอรมันแบบช็อกความรู้สึก 1-7 ได้เกิดเหตุจลาจลในนครเซาเปาโลของบราซิล กลุ่มวัยรุ่นจุดไฟเผารถบัสหลายคัน และทำลายร้านค้ามากมาย รวมทั้งเผาธงชาติ โดยตำรวจยังไม่ได้ระบุตัวเลขความเสียหาย และไม่ได้ชี้ว่าเกี่ยวข้องกับความพ่ายแพ้ของทีมชาติบราซิลหรือไม่ แต่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ฟอลา เดอ เซาเปาโล รายงานในเว็บไซต์ว่ามีรถบัสในอู่รถถูกเผาราว 20 คัน

บรรยากาศความโกรธแค้นต่อความพ่ายแพ้ของแฟนบอลชาวบราซิล ทำให้ตำรวจสั่ง เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับสูงสุด เพราะเกรงว่าจะลุกลามกลายเป็นการก่อจลาจล เนื่องจากประชาชนจำนวนมากยังเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ตั้งแต่รัฐบาลทุ่มงบประมาณมหาศาลในการเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทั้งที่ควรนำไปพัฒนาด้านสาธารณสุขและการศึกษา และเมื่อทีมชาติไม่ประสบความสำเร็จความไม่พอใจจึงมาถึงจุดเดือด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจปราบจลาจลเคลื่อนกำลังเข้าไปยังชายหาด โคปาคาบานาเพื่อระงับความวุ่นวาย หลังจากมีรายงานว่ามีกลุ่มติดอาวุธอาละวาดปล้นบาร์ ขณะที่แฟนบอลหลายพันคนกำลังใจจดใจจ่อชมการแข่งขันนัดสำคัญบนจอภาพขนาดใหญ่ โดยคนร้ายยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนฉกชิงกระเป๋าและของมีค่า ทำให้ประชาชนแตกตื่นวิ่งหนีกันอย่างโกลาหล

ขณะที่แฟนบอลโดยเฉพาะผู้หญิงต่างพากันร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าทั้งประเทศ

ผู้นำหญิงเยอรมันไปเชียร์นัดชิง

แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี ยืนยันอย่างเป็นทางการว่า จะเดินทางไปชมนัดชิงชนะเลิศ ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล วันที่ 13 ก.ค. นี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเตะอินทรีเหล็ก ทั้งนี้นายกฯ หญิงของเมืองเบียร์ เคยเดินทางมาให้กำลังใจแข้งเยอรมันแล้ว 1 นัด ในเกมถล่มโปรตุเกส 4-0 เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.

บราซิลหวั่นหายนะถ้าแพ้ซ้ำชิงที่ 3

ด้านนางดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีหญิงของบราซิล ออกมาแสดงความเสียใจ และขอโทษประชาชนกับผลการแข่งขันที่ออกมา ขณะที่นักวิเคราะห์กีฬาชื่อดังแดนกาแฟระบุ ฟอร์มการเล่นของบราซิลกับเยอรมันนัดนี้เหมือนเด็กเล่นกับผู้ใหญ่ 

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าแฟนบอลจำนวนมากปิดทีวีก่อนจบเกมเพราะทนดูไม่ได้ และหวั่นเกิดเหตุจลาจล ประท้วงทำลายข้าวของครั้งใหญ่ในบราซิล โดยเฉพาะหากทีมแพ้ซ้ำอีกในการชิงอันดับ 3

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!