WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8636 ข่าวสดรายวัน


โค้ชเชกลับไทย เคลียร์คดี'ก้อย'
สมาคมฯ นัด 2 ฝ่าย 'กินข้าว'


กลับไทย - "โค้ชเช"เช ยอง ซุก หัวหน้าผู้ฝึกสอน เทควันโดทีมชาติไทย เดินทางจากเกาหลีใต้กลับมาประเทศไทย ท่ามกลางแฟนกีฬามารอต้อนรับเนืองแน่น ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนวันที่ 20 ก.ค.

      กก.สอบ คดีศึกโค้ช-นักกีฬาเทควันโด ชี้ "ก้อย" ไม่มาพบน่าเสียดายเพราะต้องการให้ปรับความเข้าใจกับโค้ชเช ระบุทีมชาติยังเปิดกว้างต้อนรับเสมอ ด้านปู่น้องก้อยเผยหลานเครียดกับกระแสสังคมจนล้มป่วย จึงบอกให้ยุติเรื่องและออกจากวงการเทควันโด ส่วนโค้ชเชเปิดใจที่บ้านเกิดก่อนบินกลับเมืองไทย เผยช่วงเกิดเรื่องใหม่ๆ เครียดและกดดันมาก แต่ดีใจที่คนไทยให้ความรู้สึกดีๆ ชี้เป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยมา 12 ปี ไม่เคยเกิดเรื่อง ย้ำทุกคนถูกลงโทษมากน้อยต่างกันไปเพราะอยากให้ประสบความสำเร็จ ไม่อยากให้บานปลายมากกว่านี้เพราะกระทบทุกฝ่าย ย้ำไม่ทิ้งทีมชาติไทยจนกว่าจะได้เหรียญทองโอลิมปิกตามที่ฝันไว้

      จากกรณี"ก้อย" รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดสาวทีมชาติไทยโพสต์ข้อความผ่านโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กว่าถูก"โค้ชเช" เช ยอง ซุก หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชาวเกาหลีใต้ ลงโทษเกินกว่าเหตุโดยการต่อยเข้าที่ใบหน้าและบริเวณท้อง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ต่อมาสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยฯตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง นำโดย"เสธ.โต" พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ อดีตประธานคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย ในฐานะประธานพิจารณาข้อเท็จจริง แต่นักเทควันโดสาวไม่ได้เดินทางมาพบเพื่อให้ข้อมูล มีเพียงนายพิทักษ์ ผูกพัน อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย มาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าน้องก้อยและครอบครัวขอยุติปัญหาทั้งหมด เพราะกระแสสังคมรุมกระหน่ำอย่างหนัก ขณะที่โค้ชเช ระบุว่าเตรียมเดินทางกลับมาทำงานในเมืองไทยเหมือนเดิม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

      ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 20 ก.ค. "โค้ชเช" เช ยอง ซุก ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนเดินทางกลับเมืองไทยว่า ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจและมีความรู้สึกดีๆ มาตลอด เห็นได้จากในโลกสังคมออนไลน์พูดถึงเรื่องนี้ไปทั่ว เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องภายในแคมป์ทีมชาติเหมือนกับครูตีนักเรียน หรือพ่อแม่ตีลูกไม่อยากให้คนอื่นๆ สื่อสารหรือพูดต่อๆ กันไปมันจะผิดพลาดได้ ส่วนตัวขอให้ข้อมูลรายละเอียด ทุกอย่างกับผู้บริหารสมาคม และกรรมการสอบสวนฯจะดีกว่า

      "ก่อนหน้านี้รู้สึกเครียดและกดดัน ไม่น้อย เพราะเป็นโค้ชดูแลนักกีฬามาถึง 12 ปี ไม่เคยมีปัญหารุนแรงแบบนี้มาก่อน ทุกคนที่ประสบความสำเร็จก็ถูกทำโทษมากน้อยแตกต่างกันไป เพราะอยากให้นักกีฬาประสบความสำเร็จและมีโอกาสที่ดีในสังคม เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียนและนักศึกษาอยู่ หากประสบความสำเร็จในกีฬาเทควันโด จะมีโอกาสที่ดีมากมายทั้งการศึกษาและหน้าที่การงาน ดังนั้นในฐานะ เฮดโค้ชจะต้องทำสิ่งดีที่สุดให้นักกีฬา" โค้ชเชกล่าว

      โค้ชเชกล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาแข่งขันจะซีเรียสและตั้งใจเต็มที่ เพราะทุกคนกว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องฝึกซ้อมหนักมาก หากนักกีฬาสักคนเป็นแบบอย่างไม่ดี จะทำให้มีอิทธิพลกับนักกีฬาคนอื่นๆ ประพฤติตัวไม่ดีตามไปด้วย กีฬาเทควันโดไม่เหมือนกีฬาชนิดอื่น ฝึกซ้อมมาแทบทั้งปีแต่ลงแข่งขันแค่วันเดียวรู้ผลแพ้-ชนะ ดังนั้นทุกคนจะต้องมีสมาธิอยู่กับเกม จะมาอ้างเรื่องโน้นเรื่องนี้ไม่ได้ ทุกคนต้องมีความพร้อมตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แถมในสนามยังจะต้องพลิกแพลงนอกเหนือจากคำสั่งโค้ชเพื่อไปสู่ชัยชนะ

       โค้ชเชกล่าวอีกว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ตัดสินใจเดินทางกลับมาไทยในครั้งนี้ คือไม่อยากให้เหตุการณ์ของก้อย มาสร้างปัญหาความวุ่นวายให้กับนักกีฬาคนอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่อง เพราะหลายคนมีอนาคตที่ดี อีกทั้งตนยังมีสัญญาใจกับผู้บริหารสมาคมและนักกีฬาว่าจะเอาเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาฝากคนไทยทั้งชาติเพื่อความสุขของทุกคนให้ได้ แต่วลานี้มันยังไม่ถึงตรงจุดนั้นเลย จึงไม่อยากให้วิกฤตที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับผลประโยชน์โดยรวมของสมาคมและชาติไทย เพราะปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น แต่มันจะส่งผลกระทบระหว่างสมาคมเทควันโดไทยกับสมาคมเทควันโดเกาหลีใต้ รวมไปถึงสหพันธ์เทควันโดโลกอีกด้วย เพราะตนมาอยู่เมืองไทยได้เนื่องจากองค์กรเหล่านี้

       "ที่ผ่านมารับรู้การให้สัมภาษณ์ของน้องก้อย หมดแล้ว มีทั้งความจริงและไม่จริงอยู่ในตัวพอสมควร แต่ไม่อยากพูดรายละเอียดอะไรมาก คงต้องรอเข้าสู่กระบวนการสอบสวนจากสมาคมเทควันโดไทยจะดีกว่า พร้อมกันนี้อยากให้เรื่องทั้งหมดยุติลงด้วยดี เพื่อเดินหน้าสู่การแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 16-24 ส.ค.นี้ ที่หนานจิง ประเทศจีน และเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ช่วงวันที่ 19 ก.ย.-4 ต.ค. ที่อินชอน เกาหลีใต้ เพราะนักกีฬาทุกคนรู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้น ผมไม่เคยคิดจะย้ายไปเป็นโค้ชเทควันโดให้กับชาติใดแม้ว่าจะให้เงินเดือนที่สูงกว่าก็ตาม รักและมีความผูกพันกับนักเทควันโดไทยและผู้บริหารทุกคน" โค้ชเชกล่าวและว่า มันทำใจไม่ได้หรอกที่จะสร้างนักกีฬาจากชาติอื่นมาเตะกับนักเทควันโดไทยที่เป็นลูกศิษย์ของตัวเอง และจะขออยู่เมืองไทยเป็นที่สุดท้าย เพื่อเอาเหรียญทองโอลิมปิกกลับมาให้ได้ จากนั้นอนาคตจะเป็นเช่นไรค่อยว่ากันอีกที

       ด้านดร.สมคิด ปิ่นทอง อดีตรองผู้ว่าการ กกท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ กล่าวว่า คณะกรรมการไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เพียงแต่ต้องการพูดคุยตกลงทำความเข้าใจกับน้องก้อยเท่านั้น โดยไม่มีแนวคิดในการจะใช้กระบวนการสอบสวนเพื่อเค้นเอาความจริงจากเด็ก แต่เราต้องการพูดคุยในฐานะผู้ใหญ่ในวงการกีฬาและสมาคมเทควันโดฯ ที่รู้สึกสงสารและเห็นใจน้องก้อย ซึ่งกำลังโดนสังคมกดดันอย่างหนัก เราจึงต้องการหาทางลงและช่วยหาทางออกให้กับน้องก้อย

       "เมื่อวานนี้ ที่น้องก้อยไม่มาถือว่าเสียโอกาสอย่างมาก เราทุกคนอยากพูดคุยทำความเข้าใจ เหมือนผู้ปกครองคุยกับบุตรหลาน จะได้ช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุด ที่สำคัญจะได้ยุติเรื่องดังกล่าวไว้เพียงเท่านี้ เพราะโค้ชเชตกลงเดินทางกลับมาประเทศ ไทย เป็นโค้ชให้กับทีมชาติไทยเช่นเดิม ดังนั้นทุกคนจึงมีแนวคิดเหมือนไปทางเดียวกันว่า จะนัดหมายให้โค้ชเชกับน้องก้อยได้ทานข้าวร่วมกัน พูดคุยทำความเข้าใจกัน มั่นใจว่าเรื่องร้ายก็จะกลับกลายเป็นเรื่องที่ดี แต่แนวทางนี้ต้องยุติไปก่อน เนื่องจาก น้องก้อยไม่ได้เดินทางมา ปัญหาคงต้องลอย อยู่ต่อไป แต่เชื่อว่าอนาคตจะเดินทางไปในทิศทางที่ดี" ดร.สมคิดกล่าว

       อดีตรองผู้ว่าการ กกท.กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ถ้าปล่อยไปโดยที่ไม่รีบดำเนินการแก้ไข จะไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ทุกอย่างจะออกไปในด้านลบ ทำให้ความน่าเชื่อถือในวงการเทควันโด เกิดความมัวหมอง ดังนั้นต้องช่วยกันแก้ไขปรับปรุง พร้อมทั้งวางมาตรการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น เพราะหากปล่อยไปแบบไม่แก้ไข อนาคตคงต้องเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นอีก

        ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า หลังจากที่น้องก้อยไม่เดินทางมาพบคณะกรรมการ คงไม่กำหนดวันเวลาเพื่อเรียกให้มาพบใหม่ เพราะหากเรียกไปยังไงแล้ว เชื่อว่าน้องก้อยก็คงไม่เดินทางมา เพียงแต่หากวันใดในอนาคตน้องก้อยเกิดความสบายใจมากขึ้นพร้อมจะพูดคุยให้เดินทางมาที่สมาคมได้ทันที สมาคมพร้อมเปิดกว้าง ที่สำคัญคุณยังคงเป็นนักกีฬาเทควันโดเหมือนเดิม เพราะสมาคมไม่มีอำนาจไปไล่คนออก เพราะหากพิจารณาให้ดี เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง เป็นเพียงความเข้าใจผิด ความไม่เข้าใจกันมากกว่า สมาคมยังเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของน้องก้อย และเพื่อนๆ นักกีฬาทุกคนพร้อมเปิดใจรับ ที่สำคัญสังคมส่วนใหญ่พร้อมให้อภัยน้องก้อยเช่นกัน

       "เราต้องเข้าใจจิตใจของเด็ก แน่นอนเรื่องอารมณ์มีส่วนสำคัญมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมาก ประกอบกับเป็นวัยรุ่นใจร้อน ไม่ทันได้ฉุกคิดว่าเมื่อทำอะไรไปแล้วผลของการกระทำจะออกมาในทิศทางใด ประกอบกับคงปรึกษากับเพื่อนๆ ที่สนิทสนม จึงด่วนตัดสินใจเร็วโพสต์ข้อความ แสดงความรู้สึกผ่านทางโลกออนไลน์ จนเหตุการณ์บานปลาย และไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่หรือไปปรึกษาผู้ใหญ่ที่มีอคติ เรื่องราวจึงถูกถ่ายทอดออกมาในด้านลบ น้องก้อยยิ่งถูกโจมตีหนักขึ้นอีก" อดีตรองผู้ว่าการ กกท.กล่าว

      ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจน้องนักกีฬาทุกคนว่า เมื่อใดที่เรื่องราวทำนองนี้ ทั้งผิดใจกับโค้ชหรือเพื่อนๆ นักกีฬา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ กำจัดอารมณ์โมโหออกไปให้ได้ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจทำอะไรลงไปแบบทันควัน ปล่อยให้เรื่องผ่านไปสัก 2-3 วัน เชื่อว่าน่าจะทบทวนได้เยอะ และป้องกันเหตุบานปลายได้อีกด้วย แต่ถ้ายังไม่คลายสงสัยหรือยังโกรธอยู่ ให้ปรึกษาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจที่สุดอีกทั้งผู้ใหญ่ที่มาให้คำแนะนำต้องเปิดใจกว้าง มากๆ ไม่ใช่ให้ท้ายอย่างที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการนำคลิปมาเปิดย้อนหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จุดนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อวงการกีฬาเทควันโดไทย แต่กลับทำร้ายวงการกีฬาไทย ถ้าไม่คิดช่วยก็ขอให้หยุดการกระทำที่เป็นผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นหากหวังดีต้องช่วยกันหาทางแก้ไข ไม่ใช่มาเพิ่มปัญหา หากน้องก้อยพร้อม ก็กลับมาเล่นเหมือนเดิมได้ ถ้ามีฝีเท้าดีกลับติดทีมชาติได้อีกอย่างแน่นอน

     ส่วนแนวทางแก้ปัญหาในอนาคตนั้น ดร.สมคิดกล่าวว่า สมาคมอยู่ระหว่างร่างมาตรการตกลงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยภาพรวมแล้วก่อนเก็บตัวสู้ศึกรายการต่างๆ จะเชิญนักกีฬา และผู้ปกครอง มาสร้างความเข้าใจ ถึงแนวทางการฝึกซ้อม ที่ต้องเข้มงวดจริงจัง เพื่อความสำเร็จของชาติ เชื่อว่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากขึ้น และผู้ปกครองจะได้เข้าถึงความต้องการของสมาคม ที่ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น นอกเสียจากให้นักกีฬาได้อยู่ในระเบียบวินัย มีการพัฒนา ตัวเอง

     ที่จ.พิจิตร นายวิมล ขุระสะ อายุ 67 ปี ปู่ของน้องก้อย กล่าวว่า หลานสาวพร้อมครอบครัวเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น โดยช่วงที่มาเห็นหลานมีความเครียดจนถึงกับเป็นไข้ ต้องไปหาหมอ ซึ่งได้บอกกับลูกชาย ลูกสะใภ้ และน้องก้อยว่าให้ยุติเรื่องนี้เสียเพราะเราคงไปสู้เขาไม่ได้ เสียเปรียบทุกอย่างอย่าไปต่อล้อต่อเถียงเพราะคนเขาเยอะกว่า และขอให้หลานสาวทำใจ ถึงแม้ว่าน้องก้อย หลานสาวจะเป็นผู้ถูกกระทำก็ตาม พร้อมกับบอกหลานสาวขอให้เลิกเล่นวงการนี้ เพราะอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว

      "ที่น้องก้อยกลับไปกรุงเทพฯ เพราะรู้ข่าวว่าโค้ชเชจะเดินทางกลับมา จึงไปยันความจริงหากไม่ไปจะหาว่าหลานสาวเป็นคนลวงโลก นอกจากนี้ผมในฐานะปู่ อยากให้สังคมเห็นใจและให้ความเป็นธรรม อย่าประณามหรือด่าน้องก้อยทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์" นายวิมลกล่าว

      วันเดียวกัน นายปริวัฒน์ วรรณกลาง อธิบดีสถาบันการพลศึกษา กล่าวว่า สถาบันการพลศึกษามีการเรียนการสอนวิชาเกี่ยวกับกีฬาเทควันโด รวมถึงมีการแข่งขันระหว่างสถาบัน แต่ด้วยเราเป็นสถาบันการเรียนการสอนจึงมีระเบียบและมาตรการชัดเจน อีกทั้งผู้ฝึกสอนซึ่งเป็นอาจารย์มีความใกล้ชิดและสนิทกับนักศึกษาอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทจะทำหนังสือเวียนไปถึงผู้บริหารสถาบันการพลศึกษาทั่วประเทศทั้งสิ้น 11 แห่ง ให้ดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ทั้งกีฬาเทควันโดและทุกชนิดกีฬา หากเกิดเหตุทำนองเดียวกันนี้ ห้ามผู้ฝึกสอนกระทำการใดๆ เกินกว่าเหตุ และให้ผู้บริหารสถาบันการพลศึกษานั้นๆ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!