ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีเราจะเห็นคนทั่วโลกฉลองวันคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งไฮไลน์ของงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต้นคริสต์มาสที่ประดับตบแต่งสวยงาม

     ท่ามกลางความสุข สนุกสนานของผู้คนทั่วโลกจะมีใครคำนึงถึงเรื่องของ carbon footprint ที่เกิดจากการจัดงานครั้งนี้บ้าง

     เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมต้นคริสต์มาสแห่งอเมริกา(ACTA) ได้ออกรายงานประเมิน carbon footprint ของการใช้ต้นคริสต์มาสตลอดช่วงวัฎจักรชีวิต (LCA) ระหว่างต้นคริสต์มาสจริง (เป็นต้นไม้ปลูก) กับต้นคริสต์มาสเทียม (ทำจากพลาสติก) พบข้อมูลที่น่าสนใจมาก เพราะทั้งต้นคริสต์มาสจริงและคริสต์มาสเทียมมีปัจจัยที่ก่อให้เกิด carbon footprint ที่แตกต่างกัน

     ในปีนี้ทางสมาคมต้นคริสต์มาสแห่งอเมริกาจึงมีคำแนะนำสำหรับชาวอเมริกันในการซื้อต้นคริสต์มาสที่จะประดับบ้านในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ว่า

    1)    ให้ซื้อต้นคริสต์มาสจริง(ต้นไม้ปลูก)
    2)    ให้คำนึงถึง Tree miles หรือระยะทางการเดินทางของต้นไม้ ฉะนั้น จึงควรซื้อต้นคริสต์มาสที่ปลูกในท้องถิ่น (สหรัฐฯมีฟาร์มปลูกต้นคริสต์มาสกว่า 12,000 ฟาร์ม ปลูกได้ถึง 400 ล้านต้น ซึ่งเพียงพอสำหรับชาวอเมริกันทุกคน และสร้างการจ้างงานกว่า 100,000 คน)
และ 3) หากจะซื้อต้นคริสต์มาสเทียม (ซึ่งทำจากพลาสติก และ 80% ทำในจีนแล้วขนส่งมาสหรัฐฯ) ต้องแน่ใจว่า จะใช้ต้นคริสต์มาสต้นนั้นตั้งแต่ 9 ครั้ง (9 ปี) ขึ้นไป เพราะจะมี footprint ต่ำกว่าแทน

    ต่อไปก่อนซื้อต้นคริสต์มาส จึงต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะหากทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือก็จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้