WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BOIหรญญา สจนยมั่นใจขอบีโอไอ 600,000 ล. ยอดครึ่งปีขยายตัวตามแผน/อุตฯเอส-เคิร์ฟฉลุย/ญี่ปุ่นครองแชมป์ลงทุน

      ไทยโพสต์ : ทำเนียบฯ * บอร์ดบีโอไอปลื้มยอดขอส่งเสริมลงทุนช่วงครึ่งปีแรก 612 โรงการ มูลค่าเฉียด 3 แสนล้านบาท เผย 10 อุตสาหกรรมเอสเคิร์ฟขยายตัวตามเป้า ญี่ปุ่นยังครองแชมป์ลงทุนจากต่างชาติ มั่นใจทั้งปี 6 แสนล้านบาท

     นางหิรัญญา สุจินัย เลขา ธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภาย หลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐ มนตรีเป็นประธาน ว่า การส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 2560 (ม.ค.-มิ.ย.) มีการยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 612 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 291,790 ล้านบาท เป็นโครงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 302 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 133,494 ล้านบาท โดยเฉพาะสัดส่วนการลงทุน 60% เป็นโครง การลงทุนใหม่ และมีการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์ฟ) ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าทั้งปีนี้ จะมีมูลค่าขอรับส่งเสริมได้ตามเป้าแน่นอนที่ 600,000 ล้านบาท

      ทั้งนี้ คำขอรับส่งเสริมของ กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีจำนวนโครงการมากที่สุด คือกลุ่ม อุตสาหกรรมดิจิทัล จำนวน 95 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2,033 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่มีมูลค่าเงิน ลงทุนสูงที่สุด คือกลุ่มยานยนต์ และชิ้นส่วน 31,594 ล้านบาท ส่วนกลุ่มอื่นๆ  อาทิ กลุ่มอุตสาห กรรมการแพทย์ 3,615 ล้านบาท กลุ่ม ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 26,169 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร 26,735 ล้านบาท กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ 25,780 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 16,913 ล้านบาท เป็นต้น

      นางหิรัญญา กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้รับรายงานถึงการขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในช่วงครึ่งปีแรก 2560 พบว่า มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 150 โครงการ เงินลงทุนรวม 87,430 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 30% ของมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีการขอรับส่งเสริมในพื้นที่อีอีซีตามเป้าหมายที่ 150,000 ล้านบาท

       ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศ ในช่วงครึ่งปีแรก 2560พบว่า มีจำนวนยื่นขอรับส่งเสริม 372 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 141,065 ล้านบาท โดยญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีจำนวนโครงการ และมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด จำนวน 117 โครงการ เงินลงทุนรวม 65,435 ล้านบาท อันดับสอง สิงคโปร์ จำนวน 45 โครงการ เงินลงทุนรวม 15,260 ล้านบาท อันดับสาม จีน จำนวน 35 โครงการ เงินลงทุนรวม 7,134 ล้านบาท

       "บีโอไอ ยังมีมาตรการส่ง เสริมการลงทุนสำคัญๆ ที่สนับ สนุนให้ผู้ประกอบการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วย ไม่ว่า จะเป็นการปรับปรุงการผลิต เพื่อ ประหยัดพลังงาน หรือการปรับ ปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมภายใต้มาตรการนี้ จำนวน 36 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 5,300 ล้านบาท" นางหิรัญญากล่าว

       นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบส่งเสริมการลงทุนรวม 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 128,177 ล้านบาท เป็นกิจการประกอบรถ จักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ของบริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลล์ (ไทยแลนด์), กิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม ของบริษัทโตโยต้า มอ เตอร์ ประเทศไทย, โครงการรถ ไฟฟ้า สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำ เงินส่วนต่อขยาย), สายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง).

BOI ไฟเขียว 5 โครงการยื่นขอลงทุน 1.2 แสนล้าน

       แนวหน้า : นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบีโอไอ มีมติเห็นชอบให้การ ส่งเสริมการลงทุนรวม 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 128,177 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.บริษัทไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด เพื่อส่งเสริมการผลิตบิ๊กไบท์ 2.บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้รับการส่งเสริมขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม 3.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ได้รับการส่งเสริม ขยายกิจการขนส่งทางรางในโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย) ช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ

      4.บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ได้รับการส่งเสริมกิจการขนส่งทางราง (โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 5.บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ได้รับการส่งเสริมกิจการขนส่งทางราง (โครงการรถไฟฟ้าสาย สีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง)

       นางหิรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อต้องการแก้ปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน เพื่อลดภาระอากรนำเข้าตัวรถจักร ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบต่างๆ รวมทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้รับการยกเว้นเป็นเวลา 8 ปี นับตั้งแต่เริ่มมีรายได้จาก ค่าโดยสาร

BOI สรุป H1/60 ยอดขอส่งเสริม 612 โครงการ มูลค่าลงทุน 291,790 ลบ.เป็น 10 อุตฯเป้าหมายกว่า 1.33 แสนลบ.

      นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า บีโอไอได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบถึงภาวะการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 60 (ม.ค.-มิ.ย.) ซึ่งกำหนดเป้าหมายมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งปีไว้ที่ 6 แสนล้านบาท และบีโอไอมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย

      ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกมีการยื่นซองขอรับการส่งเสริมจำนวน 612 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 291,790 ล้านบาท เป็นโครงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จำนวน 302 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 133,494 ล้านบาท

       เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 340,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงเดียวกันมีมูลค่า 322,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันของก่อน โดยเป็นการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนให้กับโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า เอกชนพร้อมจะลงทุนแล้ว

     “ที่ประชุมพอใจกับภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 60 เป็นโครงการลงทุนใหม่ และมีการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งนิวเอสเคิร์ฟและเอสเคิร์ฟเดิมขยายตัวเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน"นายสุวิทย์ กล่าว

       คำขอรับส่งเสริมของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีจำนวนโครงการมากที่สุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล จำนวน 95 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2,033 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงที่สุด คือกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน 31,594 ล้านบาท ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ 3,615 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 26,169 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร 26,735 ล้านบาท กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ 25,780 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 16,913 ล้านบาท เป็นต้น

      นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับรายงานถึงการขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ในช่วงครึ่งปีแรก 60 พบว่า มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 150 โครงการ เงินลงทุนรวม 87,430 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 30% ของมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีการขอรับส่งเสริมในพื้นที่อีอีซีตามเป้าหมายที่ 150,000 ล้านบาท

       สำหรับ การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 60 ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 340,000 ล้านบาทนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน อาทิ การจ้างงานคนไทยกว่า 33,000 ตำแหน่ง เกิดการใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 288,000 ล้านบาทต่อปี เกิดรายได้จากการส่งออกปีละกว่า 200,000 ล้านบาท เป็นต้น

        ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศในช่วงครึ่งปีแรกพบว่ามีจำนวนยื่นขอรับส่งเสริม 372 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 141,065 ล้านบาท โดยญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุด คือ จำนวน 117 โครงการ เงินลงทุนรวม 65,435 ล้านบาท อันดับสอง สิงคโปร์ จำนวน 45 โครงการ เงินลงทุนรวม 15,260 ล้านบาท อันดับสาม จีน จำนวน 35 โครงการ เงินลงทุนรวม 7,134 ล้านบาท

       นอกจากนี้ บีโอไอยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำคัญๆ ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงการผลิตเพื่อประหยัดพลังงาน หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมภายใต้มาตรการนี้ จำนวน 36 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 5,300 ล้านบาท

       เลขาธิการบีโอไอ กล่าวเพิ่มติมว่า นายกรัฐมนตรีพอใจภาพรวมที่เห็นการลงทุนเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเป้าหมาย แต่ฝากการบ้านให้บีโอไอเข้าไปช่วยในภาคเกษตรและภาคท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งในภาคเกษตรอยากช่วยมีการลงทุนในด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและกระจายรายได้สู่ประชาชนมากขึ้น ด้านการท่องเที่ยวได้ฝากให้ช่วยผลักดันการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองเพื่อกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น

       ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้ภาคเอกชนมีการรวมกลุ่มและเสนอโครงการมาเป็นแบบแพ็คเกจ ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนและได้มอบหมายให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าไทยรับไปดำเนินการ

      อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!