- Details
- Category: สภาหอการค้าไทย
- Published: Wednesday, 28 May 2014 11:37
- Hits: 6118
7 องค์กรภาคเอกชน เผยสัปดาห์หน้าได้ข้อสรุปกรอบปฏิรูป ศก. 7 ด้าน ก่อนเสนอ คสช. ‘สภาธุรกิจตลาดทุน’ เชื่อ สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติได้มากขึ้น
7 องค์กรภาคเอกชน เผย สัปดาห์หน้าได้ข้อสรุปกรอบปฏิรูป ศก. 7 ด้าน ก่อนเสนอ คสช. ‘สภาธุรกิจตลาดทุน’ เชื่อ สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติได้มากขึ้น ชี้ ประเทศไทย จำเป็นต้องมีแผนเศรษฐกิจระยะยาว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ระบุว่า หลังจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์ องค์กรภาคเอกชน 7 องค์กร จะได้ข้อสรุปความ คืบหน้าเกี่ยวกับ 7 มาตรการ เรียกความเชื่อมั่น เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย
"หลังจากนี้อีก 1 สัปดาห์ เราคงจะมีข้อสรุปชัดเจนมากยิ่งขึ้น จาก 7 กรอบ ที่วางไว้ ซึ่งก็อยากให้ คสช.เปิดโอกาสให้เราได้แสดงความเห็นของข้อมูลในส่วนนี้" นายสุพันธุ์ กล่าว
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมของ 7 องค์กรภาคเอกชน วันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องกรอบปฏิรูปเศรษฐกิจทั้ง 7 ด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ได้แก่ การปฏิรูปกรอบการลงทุนของภาครัฐและเอกชน การยกระดับการศึกษาและนวัตกรรม การแก้ไขปัญหาสังคมและความเหลื่อมล้ำ ธรรมาภิบาลและแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น การพัฒนากฎระเบียบต่างๆของภาครัฐ การพัฒนาโครงสร้างใหม่ในระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป โดยได้สั่งให้ทุกฝ่ายกลับไปทำการบ้านเพื่อเตรียมความพร้อมและจะมาหารือใหม่อีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า ที่จะสามารถได้ข้อสรุปและเตรียมจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
"กรอบปฏิรูปเศรษฐกิจทั้ง 7 ข้อมีทั้งโครงการทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งได้ให้แต่ละองค์กรกลับไปศึกษาว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง และจะทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างไร ซึ่งเมื่อหารือกันตกผลึกแล้วจะเสนอเรื่องให้คสช.นำไปพิจารณา"นายอิสระ กล่าว
สำหรับ ในที่ประชุมยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมถึงการประเมินเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีอีกด้วย
ขณะที่นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า เราได้มีเครือข่ายสมาชิกไว้ติดต่อกับนักลงทุนตลอดเวลา ซึ่งพอทุกอย่างมีความชัดเจนแล้วและทางคสช.ได้ประกาศโรดแมพ เพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจออกมาเราก็จะเริ่มดำเนินการ และในส่วนของสมาชิกได้มีการเตรียมการเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งหากมีแผนปฏิรูปอย่างชัดเจนแล้วทั้งระยะสั้นและระยะยาว คิดว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศได้
ซึ่งการที่เข้ามาพูดคุยกันในวันนี้เราจะพูดคุยถึงแผนเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว และในส่วนของแผนระยะยาวนั้นเรามองว่าอยากให้เป็นแผนที่อยู่คู่กับประเทศไทย ไม่ใช่พอมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทีก็ต้องมานั่งเปลี่ยน ซึ่งเราคิดว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนระยะยาวมากๆ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มดำเนินการสักที" นายไพบูลย์ กล่าว
ส่วนนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ทางเรามีทีมงานที่กำลังทำอยู่แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในตอนนี้ ส่วนการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาตินั้น เรามีการสื่อสารกับนักลงทุนต่างชาติอยู่เสมอ ซึ่งหากมีคำถามจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเราจะนำมาวิเคราะห์และสื่อความกลับไป ส่วนหลังจากที่ประกาศรัฐประหารนั้น มีแรงขายในตลาดขึ้นบ้างแต่อยู่ในวงค่อนข้างจำกัด
แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าไม่กระทบมากเท่าไหร่ ซึ่งส่วนหลังจากนี้เราก็ยังไม่สามารถตอบได้ต้องอยู่ที่เราจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติได้เร็วขนาดไหน ซึ่งในส่วนนี้ต่างชาติก็มีความเชื่อมั่นระดับหนึ่งแล้ว โดย 2-3 วันที่ผ่านมาทางเราได้เห็นการพัฒนาของ คสช.ที่มีการเร่งการดำเนินงานอย่างรวดเร็ว เช่น การจ่ายเงินให้กับชาวนา ซึ่งมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที
อนึ่ง มาตรการเรียกความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ 7 มาตรการ ประกอบด้วย การเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน, การลงทุนภาครัฐและเอกชน, การพัฒนา นวัตกรรม, การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม, ธรรมาภิบาล, กฎระเบียบภาครัฐ และ การพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ข้อสรุปในมาตรการดังกล่าว จะมีรายละเอียดออกมาอย่างชัดเจน ว่า ควรจะดำเนินการในเรื่องใดบ้าง และเรื่องใดเป็นมาตรการที่ควรเริ่มต้นทำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น หรือเป็นโครงการใดที่เป็นระยะยาว
จับตา 7 องค์กรเอกชน ประชุมกรอบปฏิรูปเศรษฐกิจ 7 ด้าน วันนี้ ชง คสช.พิจารณา เผยส่งออกทั้งปีโตเต็มที่ไม่เกิน 3% วอนเร่งฟื้นความเชื่อมั่นทั้งใน-ต่างประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ในวันนี้ทาง 7 องค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย ส.อ.ท.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยสภาธุรกิจท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทยจะประชุมร่วมกันเพื่อหาพิจารณากรอบการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาวก่อนเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พิจารณาต่อไป
สำหรับกรอบการปฏิรูปเศรษฐกิจ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านการลงทุน, ด้านการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า,ด้านการศึกษา,ด้านการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจ,ด้านธรรมภิบาลและการแก้ไขคอร์รัปชัน,ด้านนวัตกรรมและด้านสังคม
สำหรับ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นที่ ส.อ.ท.ต้องการให้ คสช.เร่งแก้ไข ได้แก่การพิจารณาให้อนุกรรมการกลั่นกรองโครงการลงทุน สำนักงานส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)มีอำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักซึ่งค้างอยู่หลายโครงการหลังจากเกิดการยุบสภาสมัยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งต้องการให้คสช.สนับสนุนงบประมาณด้านนวัตกรรมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ควรสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างประเทศให้กลับมาโดยไวซึ่งส.อ.ท.เตรียมหารือกับสภาหอการค้าต่างประเทศเพื่อยืนยันว่าภาคอุตสาหกรรมไทยพร้อมที่จะจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ได้ตามปกติซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นในการสั่งซื้อสินค้าไทยต่อไปได้
นายสุพันธุ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งหลังของปี 2557คาดว่าการส่งออกจะเติบโตเต็มที่ไม่เกิน 3%เนื่องจากออร์เดอร์สินค้าจากต่างประเทศช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 เริ่มหมดลงแล้ว ส่วนการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มจะเติบโตได้ประมาณ 5%โดยมีมูลค่า 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าปี 2556 ที่มีมูลค่าส่งออก2,890 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
“อยากให้นายกฯคนใหม่ เร่งแก้ปัญหาความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศให้คืนกลับมาโดยเร็วซึ่งนายกฯ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมรู้สึกเป็นธรรมและเป็นกลางจนต่างชาติเกิดการยอมรับได้ ซึ่งท้ายที่สุดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทุกอย่างจะกลับมาส่วนการปฏิรูปเศรษฐกิจก็ควรมีกรอบเวลาที่ชัดเจนและคสช.จะต้องเร่งผลักดันงบประมาณปี 2558 ให้ออกมาทันตามกรอบเวลานอกจากนี้อยากให้ผลักดันรถไฟรางคู่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่ค้างอยู่หลายเส้นทางและการจ่ายเงินคืนให้ชาวนาก็จะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศต่อไป”นายสุพันธุ์ กล่าว
นายสุพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนที่ส.อ.ท.จะพยายามผลักดันคือการเปิดงานแสดงสินค้าราคาถูกจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคโดยตรงซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะทำงานมาดำเนินการ โดยอยากให้ภาครัฐช่วยเหลือในเรื่องงบประมาณการจัดสถานที่จัดงานเบื้องต้นจะเริ่มในพื้นที่ กทม.ก่อนและถ้าประสบความสำเร็จจะขยายไปยังต่างจังหวัดต่อไป ทั้งนี้เห็นว่าควรเริ่มงานดังกล่าวไม่เกิน 3 เดือนจากนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในระยะแรก
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
สภาธุรกิจตลาดทุน เผยหลังมีโรดแมพ ศก.จะสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติได้มากขึ้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยภายหลัง การประชุม 7 องค์กรภาคเอกชนว่า เชื่อว่าจากนี้ไปจะเรียกความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนได้ ซึ่งปัจจุบันได้มีเครือข่ายสมาชิกไว้ติดต่อกับนักลงทุนตลอดเวลา รอเพียงทุกอย่างมีความชัดเจนแล้ว และทางคสช.ได้ประกาศโรดแมพออกมา เพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจ ทางสภาฯ ก็จะเริ่มดำเนินการได้ทันที เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งหากมีแผนปฏิรูปอย่างชัดเจนแล้วทั้งระยะสั้นและระยะยาว คิดว่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศได้
"ซึ่งการที่เข้ามาพูดคุยกันในวันนี้เราจะพูดคุยถึงแผนเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว และในส่วนของแผนระยะยาวนั้นเรามองว่าอยากให้เป็นแผนที่อยู่คู่กับประเทศไทย ไม่ใช่พอมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทีก็ต้องมานั่งเปลี่ยน ซึ่งเราคิดว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนระยะยาวมากๆ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้เริ่มดำเนินการสักที" นายไพบูลย์ กล่าว
สภาหอการค้าไทย เผย จีดีพีปีนี้มีลุ้นโต 2% หลัง คสช. ปลดล็อกงบประมาณลงทุนภาครัฐ เชื่อช่วยฟื้นความเชื่อมั่น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสที่จะโตได้ 2% ภายหลังจากที่งบประมาณการลงทุนของภาครัฐจะสามารถทำได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณปี 57 ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคจะทำให้เกิดการจับจ่ายและบริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการที่ คสช.ได้มีการเร่งเบิกจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวให้กับเกษตรกรจำนวน 92,000 ล้านบาท จะเป็นการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่จะนำเงินมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
"ถ้ามีเงินหมุนเวียนในระบบ รวมถึงงบประมาณปี 57 สามารถเบิกจ่ายได้อย่างเต็มที่และเงินที่ออกมาช่วยเหลือชาวนา 92,000 ล้านบาท จะเป็นการช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และมีโอกาสทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ถึง 2%" นายอิสระ กล่าว