WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8667 ข่าวสดรายวัน


6 กตช.มติเอกฉันท์ ตั้งสมยศ ผบ.ตร.-ไม่พลิก 
วัชรพล ชี้เหตุผล ถนัดงานมั่นคง! ฝีมือจับอาวุธเด่น เจ้าตัวลั่น-ลุยทำ ให้คนมารักตร. ดูแลสวัสดิการ


ว่าที่ผบ.ตร. - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เดินทางเข้ามายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังที่ประชุมก.ต.ช.แต่งตั้งเป็นผบ.ตร.คนใหม่ ท่ามกลางตำรวจน้อยใหญ่ร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง เมื่อวันที่ 20 ส.ค.

         "บิ๊กอ๊อด" สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผงาดผบ.ตร.คนใหม่ หลังก.ต.ช.ถกฉลุยม้วนเดียว "บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน เผย 6 ก.ต.ช.ร่วมอภิปราย-เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ใช้เวลาพิจารณาแค่ 1 ช.ม.เศษ ด้าน "วัชรพล" เผยเสนอชื่อ "สมยศ" คนเดียว ระบุ ก.ต.ช.มองมีความสามารถงานมั่นคง นำมาใช้กับภาวการณ์ไม่ปกติได้ แถมผลงานจับอาวุธ-บึ้มยังโดดเด่น ขณะที่ "บิ๊กอ๊อด" เปิดใจ ขอบคุณประยุทธ์-ก.ต.ช.ที่ไว้ใจ พร้อมเป็นผบ.ตร.ที่ทำให้ประชาชนรักตร. เตรียมลุยงานดูแลสวัสดิการตำรวจให้สุขสบาย ยันพร้อมทำงานเต็มที่-ไม่คาดหวังได้เป็นผบ.ตร. ชี้จุดแข็งเป็นคนคิดต่าง-นอกกรอบ ด้าน "บิ๊กติ๊ก" ปรีชา จันทร์โอชา เพื่อนร่วมรุ่นตท. ยกหูยินดี

"สมยศ"ผงาดนั่งผบ.ตร.
      เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ แทนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการ โดยมีพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. เข้าร่วมประชุมด้วย พร้อมก.ต.ช. คนอื่นๆ ประกอบด้วย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ และพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. ในฐานะกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นผู้เสนอชื่อนายตำรวจที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งผบ.ตร. ต่อที่ประชุมก.ต.ช.
     จากนั้นเวลา 11.15 น. บรรดาผู้เข้าประชุม ก.ต.ช. ต่างทยอยเดินออกจากห้องประชุม โดยนายชาญเชาวน์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมก.ต.ช.เห็นชอบให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. เป็นผบ.ตร.คนใหม่

ก.ต.ช.ฉลุย-ถกฉิวแค่ช.ม.
     นายชาญชัย ยังกล่าวชี้แจงข้อกฎหมายในที่ประชุมว่า การเลือกผบ.ตร.วันนี้ เป็นเพียงการขอมติในที่ประชุมให้เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ จากนั้นพล.ต.อ.วัชรพล เสนอชื่อพล.ต.อ.สมยศ ให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผบ.ตร.คนใหม่ และที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ 
     ผู้สื่อข่าวถามว่า มติในที่ประชุมก.ต.ช.เป็นเอกฉันท์หรือไม่ และมีการพูดว่าให้พล.ต.อ. สมยศ กับพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เป็นผบ.ตร. คนละ 1 ปี นายชาญเชาวน์กล่าวว่า ไม่ได้พูด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมก.ต.ช.ใช้เวลาพิจารณาผบ.ตร.คนใหม่ 1 ชั่วโมง 15 นาที โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งนี้ก.ต.ช.มีมติเห็นชอบให้พล.ต.อ.สมยศ ดำรงตำแหน่งผบ.ตร.คนที่ 10 โดยในที่ประชุมไม่มีการหารือถึงประเด็นที่จะให้พล.ต.อ.สมยศ กับพล.ต.อ.เอก ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนละ 1 ปี

"วัชรพล"เสนอชื่อคนเดียว
    ต่อมาเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล แถลงภายหลังประชุมก.ต.ช. วาระแต่งตั้งผบ.ตร.ว่า การ ประชุมก.ต.ช.ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับแต่มี ประกาศคสช.ที่ 88/2557 เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของก.ต.ช. และให้ผบ.ตร.เป็นผู้คัดเลือกจากรองผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ เสนอเป็นผบ.ตร.คนต่อไป โดยการพิจารณาแต่งตั้งผบ.ตร.แทนพล.ต.อ.อดุลย์ ที่จะเกษียณอายุราชการ ครั้งนี้มีรองผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ 5 คนที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ ประกอบด้วย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. และพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.)
      "ผลการประชุมคณะกรรมการก.ต.ช.เห็นชอบคัดเลือกพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง เป็นผบ.ตร. โดยเป็นชื่อเดียวที่ผมเสนอต่อก.ต.ช. ด้วยเหตุผลว่าในอนาคตข้างหน้าในการทำงานร่วมกับรัฐบาลก็ดี มิติเรื่องความมั่นคงจะเป็นมิติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากบ้านเมืองยังอยู่ในสภาวะไม่ปกติ ก.ต.ช.จึงเห็นว่าพล.ต.อ.สมยศ เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินงานด้านความมั่นคง ทำงานร่วมกับรัฐบาลต่อไป" รรท.ผบ.ตร. กล่าว

เผยถนัดงานมั่นคง-ผลงานเด่น
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สมยศโดดเด่น กว่ารองผบ.ตร.และจตช.คนอื่นอย่างไร พล.ต.อ. วัชรพลกล่าวว่า ทุกคนมีความอาวุโส ในประกาศฉบับที่ 88/2557 บอกให้เลือกจาก รองผบ.ตร.-จตช. ซึ่งทั้ง 5 คนมีความอาวุโสอยู่แล้ว งานในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนทำงานเต็มที่ แต่ก.ต.ช.มองว่าในภาวการณ์ที่ยังไม่ปกติ ต้องนำพาประเทศผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ มิติงานด้านความมั่นคงนั้นสำคัญ ทั้งเรื่องการสืบสวนคดีเกี่ยวกับความมั่นคงทั้งหลาย ซึ่งพล.ต.อ.สมยศ มีบทบาท สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นผลสำเร็จ คดีต่างๆ จับกุม ยึดระเบิด อาวุธสงครามได้จำนวนมาก คดีต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาที่ไม่สามารถสืบสวนจับกุมได้ก็จับกุมได้ หรือออกหมายจับกุมได้ มีความชัดเจนขึ้น
     รรท.ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ที่ประชุมเห็นว่าพล.ต.อ.สมยศเหมาะสมในประเด็นความอาวุโสนั้น ทั้ง 5 คนที่เป็นรองผบ.ตร.-จตช. ถือมีความอาวุโสแล้ว อย่างไรก็ตามการพิจารณาวันนี้ที่ประชุมเห็นชอบ มีการอภิปราย ให้ข้อคิดเห็นกัน ไม่ถึงขั้นโหวตลงมติ ไม่มีการยกชื่อรองผบ.ตร.-จตช.ท่านอื่นมาเปรียบเทียบแต่อย่างใด เมื่อตนเสนอพล.ต.อ.สมยศ ก็ได้อภิปรายเหตุผลในการเสนอชื่อ ซึ่งที่ประชุมร่วมกันอภิปรายจนเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้ในการประชุมพิจารณาวาระนี้มีเฉพาะก.ต.ช. 6 คน อยู่ในห้องประชุมเท่านั้น ไม่มีคนอื่นๆ แต่อย่างใด โดยกรรมการแต่ละท่านให้ความเห็นพิจารณาพอสมควร ซึ่งฝ่ายเลขานุการเตรียมประวัติและวิสัยทัศน์ของทุกคนให้ ก.ต.ช.แต่ละท่านพิจารณา ซึ่งก.ต.ช. ล้วนเป็นผู้ใหญ่ เป็นข้าราชการระดับสูงเคยทำงานร่วมกันมา รู้จักทุกคนอยู่แล้ว
    เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่เป็นรรท.ผบ.ตร.ได้มอบหมายงานความมั่นคง ซึ่งเป็นงานสำคัญใกล้ชิดคสช.ให้พล.ต.อ.สมยศ วันนี้ก็เสนอเป็นผบ.ตร.ด้วยเหตุผลนี้เป็นการปูทางวางตัวไว้แต่แรกหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตั้งข้อสังเกต และยืนยันไม่ได้วางตัวไว้ แต่พิจารณาตามความเหมาะสม

ระบุ"บิ๊กตู่"เน้นย้ำนโยบาย
     รรท.ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พล.อ. ประยุทธ์ หัวหน้าคสช. และประธานก.ต.ช. ได้มอบนโยบายหลายเรื่อง ห่วงใย เน้นย้ำให้ตร.ต้องอำนวยความยุติธรรมในทุกมิติ ทั้งในระยะสั้นระยะยาว โดยห่วงใยการอำนวยความยุติธรรม การดำเนินคดีในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่การจับกุมดำเนินคดีอยู่ในอัตราที่ต่ำ จึงให้ตร.และกระทรวงยุติธรรมหามาตรการมาบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และพูดถึงโรดแม็ประยะที่ 2 การปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งเรื่องโครงสร้าง การจัดองค์กร ตลอดจนเน้นย้ำตร.ต้องคิดในมิติการทำงานร่วมกับฝ่ายทหาร พลเรือน และผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องต้องดำเนินการวางรูปแบบการทำงานให้สอดคล้อง 
    พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวด้วยว่า หัวหน้าคสช.ยังเน้นย้ำการทำงานของตำรวจต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ความสามัคคี ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต้องไม่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดและกระบวนการทำผิดกฎหมาย เน้นย้ำให้ตำรวจใส่ใจคดีที่เกี่ยวกับสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และยังย้ำเรื่องที่สนับสนุนกำลังพลให้ตร. 5,000 นาย ในขั้นแรก และให้คำมั่นว่าจะเสนอเพิ่มกำลังพลแก่ตร.อีก 9,000 นายในอนาคตอันใกล้ โดยฝากให้คิดกระบวนการพัฒนาบุคลากรตำรวจในมิติต่างๆ เพื่อให้ตำรวจมีความพร้อมบังคับใช้กฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการอำนวยความยุติธรรมต่างๆ และให้เฝ้าระวังเข้มงวด เรื่องการคอร์รัปชั่น ความโปร่งใสของข้าราชการตำรวจระดับสูง ที่ต้องเป็นแบบอย่างในการดูแลพี่น้องประชาชน

"บิ๊กอ๊อด"ลั่นให้คนกลับมารักตร.
     ถัดมาเวลา 13.00 น. ที่ตร. พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีที่ได้รับเลือกเป็นผบ.ตร.ว่า ขอขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานก.ต.ช. ตลอดจนคณะกรรมการก.ต.ช.ทุกท่าน ที่สนับสนุนตนและมอบความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นเกียรติแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูล ที่มีโอกาสได้รับตำแหน่งสำคัญ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ต้องมีภารกิจมากมายและเป็นงานที่หนักรออยู่ในอนาคตก็ตาม แต่มีความภาคภูมิใจ โดยในส่วนที่ได้มอบหมายภารกิจให้รับผิดชอบ ถึงแม้จะเป็นภารกิจที่หนักและท้าทาย ตนยินดีรับและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้สมกับก.ต.ช. ให้ความไว้วางใจ การแต่งตั้งในครั้งนี้ยืนยันได้ว่าไม่มีการทาบทามไว้ก่อนแต่อย่างใด และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมั่นใจว่ามาจากความมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ และทำงานอย่างเต็มที่จนผู้หลักผู้ใหญ่มองเห็น และผลงานที่ออกมาก็เป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้ 
      พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ตนจะเป็นผบ.ตร.ที่ทำให้ประชาชนรักตำรวจเท่าที่จะทำได้ ซึ่งได้เสนอวิสัยทัศน์กับพล.ต.อ.วัชรพล ไปแล้ว โดยระบุว่าสิ่งแรกที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือ จะธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของประเทศ ในส่วนที่ตั้งใจไว้ในการที่เข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 ปีนั้น สิ่งที่คาดหวังและจะพยายามทำให้ได้คือ 1.จะสร้างความสามัคคีและสร้างขวัญกำลังใจในหมู่ข้าราชการตำรวจ 2.จะสร้างสวัสดิการ ทำให้ข้าราชการตำรวจมีความเป็นอยู่อย่างสุขสบายตามสมควร ตลอดจนการสร้างที่พักให้กับตำรวจอย่างเพียงพอ และ 3.จะสร้างความศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อตำรวจทั้งประเทศ และสร้างความผาสุกให้กับประชาชน ตลอดจนสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอีกด้วย

รับไม่คาดหวัง-พร้อมทำงานเต็มที่
      พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า สิ่งใดที่เป็นความคาดหวังของผู้บังคับบัญชาจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยจะทำงานช่วงเวลา 1 ปีอย่างเต็มความสามารถ จะใช้พลังกาย สติปัญญา ตามความสามารถ และที่สำคัญคือ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับข้าราชการทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนเชื่อมั่นว่า สามารถทำงานกับฝ่ายทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างของตนนั้น ทั้งในเรื่องที่ได้ศึกษาในโรงเรียนเตรียม ทหาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งมีทั้งพี่ เพื่อนและน้องมีความเคารพนับถือ โดยมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ตรงนี้เป็นจุดแข็งของตนและจะนำจุดแข็งที่มีอยู่ ประกอบกับการที่เป็นคนชอบรับฟังความคิดเห็น ก็จะยอมทำงานทุกอย่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม โดยเฉพาะจะให้เกิดผลประโยชน์แก่ประเทศชาติ ซึ่งจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้คนที่ให้การสนับสนุนตนต้องผิดหวัง 
      "ผมเป็นลูกคนธรรมดา เป็นเด็กบ้านนอก การก้าวมาถึงตรงนี้ จนเป็นข้าราชการตำรวจที่มียศถึงพล.ต.อ. นับว่าเป็นบุญวาสนาแล้ว แต่ในส่วนที่เป็นผู้นำสูงสุดของตร. ถือเป็นวาสนาสูงสุดในชีวิตและวงศ์ตระกูล ตรงนี้ไม่เคยเป็นสิ่งที่คาดหวัง แต่เมื่อได้รับการมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาก็จะทำงานในตำแหน่งนี้ให้เต็มที่ที่สุด เพื่อไม่ท่านผิดหวัง"พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ประเดิมลุยดูแลสวัสดิการตร.
     ผู้สื่อข่าวถามว่า กดดันหรือไม่ที่ได้รับ ตำแหน่งผบ.ตร.ในยุคที่สังคมคาดหวังกับตำรวจมาก พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายว่าสิ่งที่สังคมคาดหวังแล้วตนจะทำได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่ที่ความร่วมมือของตำรวจทั้งประเทศ ซึ่งประชาชนคาดหวังอะไรไว้ ก็ต้องทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง เพราะเราเป็นข้าราชการกินภาษีประชาชน อย่างที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นคือ การสร้างขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจด้วยกันก่อน ถ้าข้าราชการตำรวจมีขวัญกำลังใจ มีสวัสดิการที่ดี ก็มีกำลังใจหรือสติปัญญาในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนต่อไป
     เมื่อถามต่อว่า ตลอดต้นเดือนที่ผ่านมามีการมองว่าภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการแข่งขันกันจนถึงขั้นแตกความสามัคคี มีแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร พล.ต.อ. สมยศกล่าวว่า ตรงนี้ยังไม่ได้พบกับพล.ต.อ. วัชรพล ถ้าได้พบท่านคงมีอะไรมากมายที่ หัวหน้าคสช. ได้ฝากมา โดยเป็นนโยบายที่ตนต้องน้อมรับและนำไปปฏิบัติ ส่วนเรื่องความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น เชื่อไม่มีการแตกความสามัคคีแน่นอน และเชื่ออีกว่าตนสามารถทำงานกับทุกคนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการแข่งกันทำงาน ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าตำรวจแข่งกันทำงาน คนที่จะได้รับประโยชน์ก็คือประชาชนและประเทศชาติ

เน้นคิดต่างแบบนอกกรอบ
    ต่อข้อถามว่า การแต่งตั้งหลังจากนี้มองว่าจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางคนในการแต่งตั้งระดับผู้บัญชาการหน่วยสำคัญต่างๆ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เนื่องจากพล.ต.อ. วัชรพลยังปฏิบัติหน้าที่จนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งต้องให้เกียรติท่านอย่างเต็มที่ ตนจะไม่ก้าวล่วงหรือไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จนทำให้ท่านต้องอึดอัด จึงขอให้ท่านทำงานอย่างเต็มที่ ท่านเห็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ตนเห็นด้วยอย่างเต็มที่
    เมื่อถามว่า อะไรเป็นปัจจัยทำให้ถูกเลือกเป็นผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สิ่งหนึ่งคือ การตั้งใจทำงานและทำงานอย่างจริงจัง ทุ่มเทกำลังกาย สติปัญญา หรือความสามารถทุกอย่าง ซึ่งตนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ จนทำให้กลายเป็นจุดแข็ง เพราะการทำงานต่างๆ ที่ผ่านมา งานใดที่ได้รับผิดชอบตนจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างและจะมีการคิดแบบใหม่ ทำแบบใหม่ อะไรเป็นสิ่งที่ลองผิด ลองถูก แต่ไม่ได้ผล ก็จะมีการหาวิธีใหม่ๆ มาดำเนินการ เพราะบางครั้งวิธีเก่าๆ แบบเก่าๆ แก้ปัญหาไม่ได้หรือใช้ไม่ได้ผลก็ต้องหาวิธีที่ใหม่กว่าและดีกว่ามาทำให้เกิดผล
    "ขอยืนยันว่า จะเป็นผบ.ตร.ที่คิดต่างและคิดนอกกรอบ เพราะจากการทำงานที่ได้รับผิดชอบมา ผมเชื่อว่าสิ่งที่จะทำ การที่ตำรวจจะดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน ต้องมีความสุขสบาย อยู่ดีกินดีในระดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นตำรวจจะไม่มีกะจิตกะใจทำงานอย่างอื่น เพราะ ฉะนั้นสิ่งแรกที่จะทำคือ ดูแลทุกข์สุขของตำรวจเป็นลำดับแรก

"บิ๊กติ๊ก"ยกหูร่วมยินดี
     นเดียวกัน พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวภายหลังพล.ต.อ.สมยศ ได้รับแต่งตั้งเป็นผบ.ตร.คนใหม่ว่า ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นตท.รุ่น 15 ขอแสดงความยินดีกับพล.ต.อ.สมยศ ทั้งนี้ตนเป็นเพื่อนทั้งกับพล.ต.อ.สมยศ และพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. 
     เมื่อถามว่าในฐานะเพื่อนสนิท จะมีของขวัญหรือโทร.ไปแสดงความยินดีกับว่าที่ผบ.ตร.หรือไม่ พล.ท.ปรีชากล่าวว่า โทร.ไปยินดีก็พอแล้ว คงไม่ต้องให้ของขวัญ เพราะรู้จักกันมานาน คนเป็นเพื่อนกันแค่โทร.หากันก็ดีใจแล้ว เมื่อถามว่าพล.ต.อ.สมยศมีคุณสมบัติเด่นที่เหมาะสมเป็นผบ.ตร.อย่างไรบ้าง พล.ท.ปรีชากล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องการทำงาน แต่เป็นคนใจดี นิสัยดี รอบคอบ และเทิดทูนสถาบัน

เปิดประวัติผบ.ตร.คนที่ 10
     สำหรับประวัติของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เกิดเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2497 ภรรยาชื่อนางพจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง มีบุตร 2 คน น.ส.ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ร.ต.ต.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง ประวัติ การศึกษาจบมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนติยานุกูล จ.พระนครศรีอยุธยา จบโรงเรียนเตรียมทหาร (ตท.รุ่นที่ 15) โดยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหารรรุ่นเดียวกับพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และพล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 น้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ 
    จากนั้นจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.รุ่น 31) จบปริญญาโทรัฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยปูนา จากอินเดีย จบปริญาเอกปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 
      หลักสูตรต่างๆ ที่จบการอบรมนั้น จบหลักสูตรการบริหารงานตำรวจระดับสูงรุ่นที่ 18 จบหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) รุ่น 47 จบหลักสูตร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 17 จบหลักสูตรและใด้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสอบสวน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เลขที่ พ.431/48 จบหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่ 13 จบหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 10

เผยชีวิตรับราชการตำรวจ
      ส่วนประวัติการรับราชการ เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2521 เป็นรอง สวส.สน.พระโขนง ต่อมาวันที่ 16 พ.ย.2526 เป็นรอง สว.จร.สน.ภาษีเจริญ วันที่ 16 พ.ย.2527 เป็นรอง สวส.สน.บางยี่เรือ วันที่ 12 ต.ค.2530 เป็นรอง สวส.สน.สำราญราษฎร์ วันที่ 1 มี.ค.2532 เป็นสว.กอ.รมน.กพ. วันที่ 16 ธ.ค.2535 เป็นรองผกก.กอ.รมน.กพ. วันที่ 1 มี.ค.2538 เป็นผกก.วช. วันที่ 25 ต.ค.2539 เป็นรอง ผบก.ชุดตรวจงาน อก.ส่วนตรวจราชการ 1 จต. วันที่ 16 ธ.ค.2540 เป็นรอง ผบก.อก.สตม. วันที่ 24 เม.ย.2542 เป็นรอง ผบก.ตม.1 สตม. 
     จากนั้นวันที่ 19 ต.ค.2542 เป็นผบก.ประจำ ตร. (สมช.) วันที่ 1 ต.ค.2544 เป็นผบก.ผง.2 สนผ. วันที่ 11 พ.ย.2545 เป็นผู้ช่วยสนผ. วันที่ 1 ต.ค.2546 เป็นผู้ช่วยผบช.สตม. วันที่ 1 ต.ค.2547 เป็นรองจเรตำรวจ (สบ7) วันที่ 1 ต.ค.2549 เป็นผบช.ประจำตร. (ทำหน้าที่ประสานงานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย) วันที่ 30 พ.ย.2550 เป็นผบช.ประจำตร. (ทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสวน) วันที่ 7 ก.พ.2551 เป็นจเรตำรวจ (สบ8) วันที่ 31 พ.ค.2551 เป็นผบช.ก. วันที่ 1 ต.ค.2551 เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. วันที่ 18 พ.ย.2554 เป็นที่ปรึกษา (สบ10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นรองผบ.ตร.จนถึงปัจุบัน และได้รับการแต่งตั้งเป็นผบ.ตร.
      นอกจากนี้ ยังได้รับตำแหน่งอื่นอีก เช่น เป็นเลขาธิการสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศ ไทย เป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าโรงรียนท่าเรือนิตยานุกูล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นกรรมการองค์การคลังสินค้า เป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!