WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8783 ข่าวสดรายวัน


'สมยศ'ส่ง'ฐิติราช'กู้วิกฤต! จ่อนั่งผบช.ก.คนใหม่ 
เล็งสอบ'ปาลิดา'คดีเครื่องเสวย ที่แท้ก็เป็นสะใภ้ตระกูล'สุวะดี' หมายจับแล้ว-พตอ.ปลอมคำสั่ง


พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์

      'สมยศ'เฟ้นหาผบช.ก.คนใหม่ จ่อตั้ง 'ฐิติราช หนองหารพิทักษ์'กู้วิกฤต 'บิ๊กกิ๊ก'รับภารกิจกวาดบ้าน คืนภาพลักษณ์ น่าเชื่อถือ ส่วนคดีอ้างเบื้องสูงประมูลเครื่องเสวย จ่อเรียก'ปาลิดา หลักเฉลิมพร'สอบ หลังพบเป็นสะใภ้'สุวะดี'ตร.ออกหมายจับ'พ.ต.อ. เด่นชัย บุตรโพธิ์ศรี'คดีอ้างชื่อ'ผบ.ตร'ปลอมเอกสาร

      เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. มีรายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า ภายหลังพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้กวาดล้างขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อเรียกรับประโยชน์มิชอบ ติดตามยึดของกลางทั้งเงินสดและทรัพย์สินได้หลายพันล้านบาท พร้อมกับปลดย้ายและจับกุมดำเนินคดีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง ซึ่งนำโดยพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. รวมทั้งขยายผลจับกุมเพิ่มเติมอีกหลายราย เป็นข่าวเกรียวกราวมาตลอดนั้น

      ข่าวแจ้งว่า ขั้นตอน จากนี้ ผบ.ตร.จะลงมือจัดระเบียบตำรวจ ในสังกัดบช.ก. กองปราบฯ และกองบังคับการสำคัญๆ ในบช.ก.ครั้งใหญ่ หลังจากถูกใช้เป็นเครื่องมือให้กับกลุ่มตำรวจที่ประพฤติ มิชอบมายาวนานหลายปี โดยจะมีการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อจัดหาตำรวจมือดีมือสะอาดเข้าไปดูแลงานในบช.ก. เพื่อสร้างภาพพจน์ใหม่ให้กลับมาเป็นที่เชื่อถือของประชาชน โดยล่าสุดมีการตัดสินใจแน่ชัดแล้วว่าจะมีการแต่งตั้งพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.ก. ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบช.ก.คนใหม่ เพื่อทำหน้าที่แทนพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ที่ถูกดำเนินคดีและถูกปลดจากราชการไปก่อนหน้านี้ 

     สำหรับ พล.ต.ต.ฐิติราชเป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงดี ประวัติสะอาด และมีฝีมือในด้านการสืบสวนปราบปรามมาอย่างโชกโชน โดยก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งรอง ผบช.น.ฝ่ายสืบสวนปราบปราม ทำคดีสำคัญๆ ในพื้นที่นครบาลจนเป็นที่รู้จักไปทั่ว และในการแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาได้ขยับ จากรอง ผบช.น.มาเป็นรอง ผบช.ก. จึงเป็น ผู้ที่เหมาะสมที่ผบ.ตร.เลือกสรรแล้ว ให้ขึ้นมาทำหน้าที่ผบช.ก.คนใหม่เพื่อกู้วิกฤตในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง คาดว่าจะมีการประชุมก.ตร.ในเร็วๆ นี้ เพื่อพิจารณาแต่งตั้งพล.ต.ต.ฐิติราชขึ้นเป็นผบช.ก. รวมทั้งแต่งตั้งตำแหน่งนายพลอีกหลายเก้าอี้ในบช.ก. ที่ว่างลง เนื่องจากการกวาดล้างขบวนการของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

     พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงการสรุปสำนวนคดีที่เครือ ข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. แอบอ้างเบื้องสูง โดยร่วมกันทวงหนี้และลดหนี้ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร และ สน.พระโขนง ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของคดีซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการฝากขัง ตอนนี้ทราบว่า อยู่ในผัดที่สอง คาดว่าสำนวนคงจะสรุปในเร็วๆ นี้

     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง.ผกก.6.ป. เท่าที่ทราบ ทางกองปราบปรามได้พยายามติดต่อ แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ไม่มา และขาดราชการเกินกว่า 15 วัน ก็จำเป็นต้องให้ทางกองปราบฯทำเรื่องขึ้นมา ว่าจะออกหมายจับอย่างไร

      ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. ฐานะดูแลงานกฎหมายและคดี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง รองผบก.น.5 เรียกพนักงานสอบสวน สน.สามเสน เพื่อติดตามความคืบหน้าเร่งรัดสำนวนคดีพฤติกรรมแอบอ้างเบื้องสูง ในนามคณะบุคคลน้ำทิพย์ อยู่ที่ 2/3 ม.9 ถนนทวีวัฒนา แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กทม. ที่ประมูลขายน้ำพริกประเภทต่างๆ โดยมีนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2238/2557 ลงวันที่ 10 ธ.ค.2557 ร่วมกับ น.ส.ปาลิดา หลักเฉลิมพร อายุ 25 ปี เกี่ยวข้อง มีรายได้ประมาณ 6-7 แสนบาทต่อเดือน 

      นอกจากนั้น ยังแอบอ้างเบื้องสูง ประมูลเครื่องเสวย ในนามคณะบุคคลปณสุ ขายผักสด และผักต้ม ส่งที่วังอัมพร และวังศุโขทัย โดยมีนางสุดาทิพย์ และน.ส.ปาลิดาเกี่ยวข้อง รายได้ประมาณ 3-4 แสนบาทต่อเดือน ภายหลัง ดำเนินคดีกับนางสุดาทิพย์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา

      รายงานข่าวระบุว่า ทางพนักงานสอบสวน สน.สามเสน ได้ตรวจสอบข้อมูลความเชื่อมโยงของ น.ส.ปาลิดา ว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือญาติกับนางสุดาทิพย์หรือไม่ โดยพบ น.ส.ปาลิดาเป็นภรรยาของนายสิทธิศักดิ์ หรือปื๊ด สุวะดี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ จึงยืนยันได้ว่าเป็นเครือญาติกัน ทางคณะพนักงานสอบสวน สน.สามเสนจะออกหมายเรียก น.ส.ปาลิดาเข้าให้ปากคำกรณีดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ในการตั้งคณะบุคคลดังกล่าว ภายหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยว ข้องทั้งหมดในวันที่ 15 ธ.ค. ที่บช.น.ต่อไป

      ส่วนกรณีขออายัดตัวผู้ต้องหา 2 ราย ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามความผิดมาตรา 112 โดยมีผู้ร่วมกระทำผิด 2 รายทราบชื่อคือ นายชากานต์ หรือยูริ ภาคภูมิ อายุ 34 ปี และนายณัฐพล หรือกอล์ฟ สุวะดี (อัครพงศ์ปรีชา) อายุ 29 ปี โดยนายชากานต์ ทำหนังสือทั้งหมด 3 ฉบับ ลงชื่อโดยนายณัฐพล มายื่นที่คณะที่ศึกษาอยู่ แจ้งว่า ตนเองมีภารกิจติดตามดูแลบุคคลสำคัญ ทำให้การยื่นหนังสือได้สิทธิ์จากทางสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ (นิด้า) ในการเข้าสอบไม่ต้องตกในวิชาที่เข้าเรียนนั้น 

     รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบและสรุปสำนวนคดีว่า นายณัฐพลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะการดำเนินการดังกล่าว ถึงแม้ว่า นายชากานต์จะเป็นผู้ให้การรับสารภาพแล้ว แต่ยังคงต้องการตรวจสอบหลักฐานว่า มีการสมยอมให้นายชากานต์ใช้ชื่อของตนเองมาแอบอ้างในการกระทำผิดหรือไม่ ส่วนลายมือที่เซ็นชื่อนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ทั้งนี้ทาง สน.ลาดพร้าวจะรายงานผลการสรุปให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ทราบอีกครั้งในวันที่ 15 ธ.ค.ต่อไป 

     สำหรับ กรณีชุดพนักงานสอบสวนตรวจสอบกรณีส่วยน้ำมันเถื่อนเตรียมเรียก พ.ต.อ. สังกัดกองบังคับการตำรวจน้ำ บช.ก. มาสอบปากคำ กรณีนายณรงค์กรณ์ หรือโจ เจียรเสริมสิน อายุ 41 ปี น้องชายนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้" ผู้ต้องหาหนีคดีปลอมแปลงเอกสารและพัวพันจ่ายส่วยน้ำมันเถื่อน เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมให้พี่ชาย

      รายงานข่าวระบุด้วยว่า เบื้องต้นทางพนักงาน สอบสวนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด ทั้งข้อมูลการโอนเงินทั้งหมด ก่อนนำผลสรุปรายงานให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ในวันที่ 15 ธ.ค. เพื่อสั่งการให้มีการนัดสอบปากคำ พ.ต.อ.สังกัดตำรวจน้ำเพิ่มเติม และนายณรงค์กรณ์อีกครั้ง เพื่อซักถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกรณีความเชื่อมโยงกับนายสหชัยอย่างไร และมีความผิดจริงตามที่ปรากฏในข้อมูลการร้องเรียนหรือไม่

     รายงานข่าวระบุด้วยว่า ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ โดยมีสำนวนคดีหลัก 5 สำนวน คือ สำนวนคดีทุจริตแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ สำนวนคดีการรับส่วยน้ำมันเถื่อน สำนวนคดีการบุกรุกป่าไม้ สำนวนคดีบ่อนการพนัน สำนวนคดีการฟอกเงิน ทั้งนี้ทุกสำนวนคดีมีข้อหาการเรียกรับสินบนและข้อหาความผิดตามมาตรา 112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เชื่อมโยงอยู่ในการกระทำความผิดดังกล่าว

     จากกรณี พ.ต.อ.เด่นชัย บุตรโพธิ์ศรี นักบิน (สบ5) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญา กรรมพิเศษ ชุดที่ 15 ด้านการปราบปรามอบายมุข การค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าว นำเอกเอกสารคำสั่ง สตช.ที่ 702/2557 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ที่ลงนามโดยพล.ต.อ.สมยศเข้าตรวจค้นสถานบริการธารทองซาวน่า และนวดแผนโบราณ ตั้งอยู่บริเวณแยกเหม่งจ๋าย ถ.รัชดานิเวศน์ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาตรวจสอบพบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม 

      ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. สน. ห้วยขวางขออนุมัติศาลอาญารัชดาภิเษก ออกหมายจับ พ.ต.อ.เด่นชัยในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.เด่นชัย บุตรโพธิ์ศรี ออกจาก ราชการไว้ก่อน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!