WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8855 ข่าวสดรายวัน


ตร.ชี้'ถวิล พึ่งมา'คือบอส 
ฟัน 5 ข้อหา โกง'สจล.'แต่ปฏิเสธ ส่งฝากขัง ได้ประกัน


บอสใหญ่ - ศาลจังหวัดมีนบุรีให้ประกันตัวนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในคดีร่วมยักยอกเงินกว่าพันล้านบาท ด้านโฆษกตร.ระบุ นายถวิล เป็นกลุ่ม บอสใหญ่ของเครือข่าย เมื่อวันที่ 24 ก.พ.

      ตร.เปิดตัวบอสใหญ่ คดีทุจริตพันล้านสถาบันสจล. ที่แท้อดีตอธิการบดี 'ถวิล พึ่งมา'แจ้ง 5 ข้อหาหนัก ร่วมกับพวกผู้บริหารสถาบัน อีก 2 คน พร้อมนำตัวส่งศาลขอฝากขังทันที เผยพฤติกรรมพิรุธอื้อ ทั้งเซ็นชื่อเปิดบัญชีธนาคารเจ้าปัญหาแล้วสั่งปิดหลังพ้นตำแหน่งอธิการฯ อีกทั้งเคยรับรองความประพฤติให้อดีตผู้จัดการธนาคารที่ถูกข้อหายักยอก พร้อมส่งตัวฝากขังที่ศาลมีนบุรี ขณะที่ถวิลยื่นหลักทรัพย์ 5 ล้านได้ประกัน ส่วนอาจารย์อีกคนนอนคุกเพราะหลักทรัพย์ไม่พอ ตร. เตรียมออกหมายจับอดีตผู้ช่วยอธิการบดีที่หายตัว ไม่มารับทราบข้อหา 

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมทนายความเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการผบก.ป. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. และพ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.5 บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกันสนับสนุนพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่, ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ, ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันฟอกเงิน 

     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า สจล.มอบอำนาจให้ดำเนินการกับ 3 อดีตผู้บริหารสจล. ได้แก่นายถวิล พึ่งมา นายสรรพสิทธิ์ ลิ่ม นรรัตน์ และนายศรุต ราชบุรี โดยช่วงเช้า ที่ผ่านมา นายถวิลเดินทางมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้งหมด 5 ข้อหา จากนั้นจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ทั้งนี้จากการสอบปากคำนายถวิลเบื้องต้น ยังให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง และจำไม่ได้ว่าเคยเซ็นชื่อไปตอนไหนบ้าง แต่จากพยานหลักฐานและพฤติกรรมพบพิรุธ เนื่องจากนายถวิล ลงนามเปิดบัญชีสถาบันก่อนที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งอธิการบดี รวมทั้งเป็นผู้ปิดบัญชี หลังจากหมดสถานภาพการเป็นอธิการบดีแล้ว และยังทำหนังสือถึงธนาคาร พร้อมระบุไม่อนุญาตให้ธนาคารตรวจสอบบัญชี หรือสถานะทางการเงินของสถาบัน 

       "นอกจากนี้ยังพบว่านายถวิลมีความสนิทสนมกับนายทรงกลด ศรีประสงค์ (อดีตผจก.ธนาคาร) หนึ่งในผู้ต้องหา เกินกว่าปกติ เนื่องจากเป็นผู้รับรองความประพฤติให้กับนายทรงกลด ขณะที่ทางธนาคารพบพิรุธ ในพฤติกรรม และเตรียมจะโยกย้ายนายทรงกลด ในส่วนของลายเซ็นที่มีอำนาจ ในการโอนเงินของสถาบันนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อย่างไรก็ตามอดีตผู้บริหารสจล.ทั้ง 3 รายนี้น่าจะเป็นกลุ่มของบอสใหญ่ ที่คอยบงการการกระทำทุกอย่าง ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก แต่ไม่ใช่ระดับผู้บงการ" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว 

     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ประสานทางอัยการ เพื่อติดตามจับกุมนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ เชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศอังกฤษ ซึ่งหากจับกุมตัวได้ จะสามารถตรวจสอบ เส้นทางการเงินของขบวนการนี้ทั้งหมด ทั้งนี้ในส่วนของนายสรรพสิทธิ์ และนายศรุต พนักงานสอบสวนนัดหมายมาสอบปากคำในเวลา 10.00 น. แต่นายสรรพสิทธิ์ ติดภารกิจ จึงขอเลื่อนมาพบในวันที่ 25 ก.พ. เวลา 10.00 น.

     ด้านนายถวิลกล่าวว่า นัดพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวแล้ว อย่างไรก็ตามตนยืนยันขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตามที่เคยให้การมาก่อน หน้านี้ 

     ต่อมาเวลา 11.30 น. นายศรุต ราชบุรี อาจารย์สจล. เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในคดียักยอกเงินของสถาบันสจล. พร้อมนำเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนด้วย พร้อมให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ ทนายความเตรียมหลักทรัพย์กว่า 1 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัวด้วย

      นายศรุต กล่าวว่า อาจารย์เกือบทุกคนใน สจล.ก็ต้องรู้จักกับ นายทรงกลด เพราะเป็นผู้จัดการธนาคาร เป็นคนคุยเก่งและสนิทกับคนอื่นได้ง่าย ทั้งนี้เมื่อปี 2549 นายทรงกลด มาชักชวนตนลงทุนในกองทุนต่างๆ โดยอ้างว่ามีกำไรดี ตนเห็นว่าน่าสนใจ ดีกว่าฝากกินดอกกับธนาคาร จึงทดลองร่วมลงทุนไป ปรากฏว่าได้กำไรดี จึงโอนเงินลงทุนกับเขาไปเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อปี 2552 ตนเริ่มผิดสังเกตเพราะนายทรงกลดโอนเงินกำไรมาให้ช้า จึงต้องทวงไปบ่อยๆ กระทั่งมารู้ตอนหลังว่าเงินที่โอนคืนมาให้นั้นเป็นเงินที่โอนมาโดยตรงจากบัญชีของ สจล. รวมแล้ว 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตนจะปรึกษาทนายความฟ้องกลับนายทรงกลดแน่นอนหลังจากคดีนี้เสร็จสิ้น  

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการสอบปากคำ เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนกองปราบปราม จะควบคุมตัว นายศรุต และนายถวิล ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดมีนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวน ออกหมายจับ นายสรรพสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยอธิการบดีของสถาบันฯ เนื่องจากไม่มารับทราบข้อกล่าวหา 

      ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุรานุกิจ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำตัวนายถวิล และนายศรุต ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ของ สจล.มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.-7 มี.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลอีก 15 ปาก และเป็นคดี ที่มีอัตราโทษสูง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยาน หลักฐานหรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น และรอผลการตรวจสอบการต้องโทษของ ผู้ต้องหาข้างต้น ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้

      โดยคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2557 สจล.โดย น.ส.วรวรรณ สุวรรณกูฎ เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศรีนครินทร์ และน.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนการคลัง สจล.กรณีเมื่อวันที่ 1-2 ตุลาคม 2557 ที่กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ของสจล.ทำให้ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,075,037,702 บาท จากข้อพิรุธและความผิดปกติของบัญชีเงินฝากธนาคารของสจล. ที่ได้ตรวจสอบพบว่า นายถวิล พึ่งมา น่าจะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์, ปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอมปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและฟอกเงิน ส่วนนายศรุตน่าจะเกี่ยวข้องฐานร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อ, จัดซื้อหรือจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตและร่วมกันฟอกเงิน ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองได้

        ต่อมาญาตินายถวิล ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน เพื่อขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ นายถวิล มีประกันตัวไป โดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท ส่วนนายศรุต ญาติเตรียมหลักทรัพย์ไม่ทัน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวนายศรุตไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไป 

      หลังได้ประกันตัว นายถวิลกล่าวว่า หลังจากที่ทนายยื่นประกันแล้วศาลอนุมัติ คงเป็นเพราะว่าตนไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี ทั้งนี้ยืนยันว่าตนจะต่อสู้ในชั้นศาลให้ถึงที่สุด และยืนยันว่าตลอดมาที่ทำหน้าที่อธิการ ไม่ได้ทุจริต ส่วนการเปิดหรือปิดบัญชีย้อนหลังนั้น ก็คงปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นลายเซ็นของตน แต่ทุกครั้งที่เซ็นตนก็อ่านรายละเอียดอยู่ตลอด แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการปลอมลายเซ็น ส่วนการฟ้องร้องนั้นตนไม่ได้คิด จะฟ้องใครเพราะตำรวจก็ทำตามหน้าที่ แม้ว่าจะมีการยืนยันว่าช่วงที่ตนทำหน้าที่อธิการบดีจะมีเงินหายไปถึงพันล้านบาท แต่ช่วงก่อนหน้าจะมารับตำแหน่งและช่วงหลังจากพ้นจากตำแหน่งก็ยังมีเงินหายไปอีกซึ่งต้องมองจุดนี้ด้วยเช่นกัน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!